ในการวิเคราะห์และเทรดตลาดการเงิน มีเครื่องมือทางเทคนิคมากมายที่นักเทรดนิยมใช้ หนึ่งในนั้นคือ Average True Range (ATR) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถประเมินความผันผวนของราคา และใช้ในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายถึงความหมาย วิธีคำนวณ รวมถึงการประยุกต์ใช้ ATR ในการวิเคราะห์และพัฒนากลยุทธ์เทรด Forex
ความสำคัญของ Average True Range (ATR) ในการใช้เทรด ForeCx
Average True Range (ATR) คือ ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้วัดความผันผวนของราคาในตลาด โดยคำนวณจากค่าเฉลี่ยของช่วงราคาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน (True Range) ตลอดระยะเวลาที่กำหนด เช่น 14 วัน หรือ 20 วัน
ประโยชน์ของการใช้ ATR ในการวิเคราะห์การเทรด
- ช่วยให้นักเทรดสามารถประเมินความผันผวนของราคาในตลาดได้
- ใช้ในการกำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสม เพื่อจำกัดความเสี่ยงในการเทรด
- ช่วยในการกำหนดขนาดของตำแหน่งการเทรดที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อหาสัญญาณการเทรดได้
การคำนวณค่า Average True Range (ATR)
องค์ประกอบในการคำนวณ ATR
ในการคำนวณ ATR จะใช้ข้อมูลราคา 3 ส่วน ได้แก่
- ราคาสูงสุด (High): ราคาสูงสุดของแท่งเทียนในแต่ละวัน
- ราคาต่ำสุด (Low): ราคาต่ำสุดของแท่งเทียนในแต่ละวัน
- ราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า (Previous Close): ราคาปิดของแท่งเทียนในวันก่อนหน้า
สูตรการคำนวณ ATR
ขั้นตอนการคำนวณ ATR มีดังนี้
- คำนวณ True Range (TR) ของแต่ละวัน โดยใช้สูตร
- TR = Max[(High - Low), Abs(High - Previous Close), Abs(Low - Previous Close)]
- โดย Abs() คือ ค่าสัมบูรณ์ (Absolute Value)
- คำนวณ ATR โดยใช้ค่าเฉลี่ยเลื่อนที่ (Moving Average) ของ TR ตามจำนวนวันที่กำหนด เช่น 14 วัน
- ATR = 14-day Moving Average of TR
ตัวอย่างการคำนวณ ATR
สมมติให้ข้อมูลราคาในช่วง 14 วันล่าสุด มีค่า TR เป็นดังนี้
- TR(1) = 1.5, TR(2) = 2.0, TR(3) = 1.2, ..., TR(14) = 1.8
- ATR(14) = (1.5 + 2.0 + 1.2 + ... + 1.8) / 14 = 1.6
ดังนั้น ค่า ATR ของช่วง 14 วันนี้ จะเท่ากับ 1.6
การเลือกจำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณ ATR ขึ้นอยู่กับกรอบเวลาที่เทรด และความผันผวนของสินทรัพย์นั้นๆ โดยทั่วไปมักนิยมใช้ค่าพารามิเตอร์เป็น 14 วัน แต่นักเทรดบางคนอาจเลือกใช้ค่าที่น้อยกว่าหรือมากกว่านี้ก็ได้
กลยุทธ์สำคัญการเทรดโดยใช้ Average True Range (ATR)
กลยุทธ์การเทรดแบบ Trend Following ด้วย ATR
Trend Following เป็นวิธีการเทรดแบบติดตามทิศทางของตลาด โดยมีหลักการคือการเข้าซื้อเมื่อตลาดมีแนวโน้มขาขึ้น และเข้าขายเมื่อตลาดมีแนวโน้มขาลง ATR สามารถช่วยในการหาจังหวะการเข้าเทรดที่เหมาะสม ตามขั้นตอนดังนี้
- รอให้ราคาเกิดสัญญาณของการเริ่มต้นเทรนด์ เช่น ราคาปิดเหนือ MA 50 วัน หรือทะลุเส้นแนวต้านสำคัญ
- สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ ATR หากค่า ATR เริ่มเพิ่มสูงขึ้น แสดงถึงมีแรงซื้อหรือแรงขายเข้ามาในตลาด ให้เปิดสถานะไปในทิศทางของเทรนด์
- กำหนดระดับ Stop Loss โดยอิงจากค่า ATR เช่น วางจุด Stop ห่างจากจุดเปิดสถานะเป็นระยะ 2 เท่าของ ATR
- เมื่อตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ ให้ทยอยปรับ Stop Loss ตามการเปลี่ยนแปลงของ ATR แบบ Trailing Stop เพื่อป้องกันกำไรที่เกิดขึ้น
- ปิดสถานะเมื่อราคาย้อนกลับมาทะลุผ่านเส้น Trailing Stop หรือเมื่อสัญญาณของเทรนด์เปลี่ยนแปลงไป
กลยุทธ์การเทรดแบบ Breakout ด้วย ATR
Breakout เป็นการเทรดโดยรอให้ราคาสามารถผ่านแนวต้านหรือแนวรับสำคัญ จากนั้นจึงเข้าไปในทิศทางของการ Breakout ซึ่ง ATR สามารถช่วยระบุความชัดเจนของสัญญาณได้
- วาดเส้นแนวรับแนวต้านบนกราฟ โดยอิงจากระดับสูงสุดและต่ำสุดของราคาในอดีต
- เมื่อราคาสามารถทะลุเส้นแนวต้านขึ้นไป ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ ATR หากค่า ATR เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงว่าการ Breakout นี้มีแรงซื้อเข้ามาหนุนอย่างมาก น่าจะยืนยันการเกิดขึ้นของเทรนด์ใหม่
- ให้เปิดสถานะซื้อทันทีเมื่อราคาผ่านเส้นแนวต้าน โดยอาจใช้ค่า ATR ในการกำหนดจุดเข้าที่แน่นอน เช่น รอให้ราคาปิดเหนือแนวต้านบวกกับ 5 เท่าของ ATR
- วางจุด Stop Loss ไว้ใต้แนวรับเดิมที่ราคาเพิ่งทะลุผ่านขึ้นมา ส่วนจุดทำกำไรนั้น อาจกำหนดโดยใช้วิธี Risk-to-Reward เช่นถ้า Stop Loss อยู่ห่างจากจุดเปิดสถานะเป็นระยะ 2 เท่าของ ATR จุดทำกำไรก็ควรอยู่ห่างเป็นระยะ 4 เท่าของ ATR เป็นอย่างน้อย
กลยุทธ์การเทรด Pullback และ Reversal ด้วย ATR
ในช่วงที่ตลาดมีเทรนด์ชัดเจน หลังจากราคาปรับตัวขึ้นหรือลงอย่างรุนแรง มักจะเกิดภาวะ Pullback คือการย้อนกลับมาทดสอบแนวรับแนวต้านเดิมอีกครั้ง ATR สามารถช่วยบ่งชี้โอกาสในการเข้าสถานะที่จุด Pullback เหล่านี้ได้
- ในช่วงขาขึ้น ให้รอให้ราคาย้อนกลับมาทดสอบแนวรับเดิม ซึ่งตรงกับจุดที่ ATR เริ่มหดตัวลง
- เมื่อราคาสามารถดีดกลับขึ้นจากแนวรับ และค่า ATR เริ่มขยายตัวอีกครั้ง ให้เปิดสถานะซื้อ โดยมี Stop Loss อยู่ใต้แนวรับนั้น
- ในทางตรงกันข้าม หากราคาไม่สามารถดีดกลับและ ATR ก็ไม่ขยายตัว อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ (Reversal)
- นักเทรดอาจรอเพื่อยืนยันการกลับตัวของเทรนด์ โดยการปล่อยให้ราคาทะลุหลุดแนวรับลงมา และ ATR เริ่มขยายตัวอีกครั้ง จึงค่อยเปิดสถานะขายเพื่อเทรดตามเทรนด์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้น