กลยุทธ์เทรด Forex อัปเดตใหม่ 2024 นักเทรดต้องรู้!!

Published on June 10, 2024

การเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในตลาดแล้ว การมีกลยุทธ์การเทรดที่ดีและเหมาะสมกับตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับองค์ประกอบหลักๆ ของกลยุทธ์การเทรด Forex กัน

 

การวิเคราะห์ Forex ทางเทคนิค (Technical Analysis)

การวิเคราะห์ Forex ทางเทคนิค (Technical Analysis)

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในอดีต เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาในอนาคต โดยมีเครื่องมือที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ดังนี้

การวิเคราะห์กราฟราคา (Price Chart Analysis) 

  • การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis): เป็นการดูทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในภาพรวม ว่ากำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ขาลง หรือเคลื่อนไหวในกรอบ
  • การวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance Analysis): เป็นการหาระดับราคาที่เป็นจุดสำคัญ ซึ่งราคามักจะสะท้อนกลับเมื่อมาถึงบริเวณนั้น
  • การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ (Chart Pattern Analysis): เป็นการมองหารูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำๆ บนกราฟ ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาในอนาคต เช่น Head and Shoulders, Double Top, Double Bottom เป็นต้น

ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators)

ตัวชี้วัดทางเทคนิคเป็นสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีตมาคำนวณ เพื่อบ่งชี้สภาวะของตลาด ตัวชี้วัดยอดนิยมได้แก่

  • Moving Averages (MA): ใช้ดูแนวโน้มของราคา
  • Relative Strength Index (RSI): วัดความแข็งแกร่งของราคา ช่วยบ่งชี้ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
  • Stochastic Oscillator: คล้าย RSI แต่ใช้หลักการที่แตกต่างในการคำนวณ
  • Bollinger Bands: ประกอบด้วยเส้นค่าเฉลี่ย และเส้นบนล่างที่ห่างจากค่าเฉลี่ยเป็นระยะเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้วัดความผันผวน
  • MACD (Moving Average Convergence Divergence): วัดความเร่ง (Momentum) ของราคา โดยเทียบส่วนต่างระหว่าง Moving Averages สองเส้น

 

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex (Fundamental Analysis)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex (Fundamental Analysis)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นการวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจ การเมือง สังคมของประเทศสกุลเงินนั้นๆ รวมถึงนโยบายการเงินการคลัง เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินในระยะกลางถึงยาว

การวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจ (Economic News Analysis)

นักเทรดจำเป็นต้องติดตามข่าวตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น

  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index - CPI): บ่งบอกอัตราเงินเฟ้อ
  • อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates): ถ้าอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น มักส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่า
  • ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product - GDP): แสดงขนาดเศรษฐกิจและอัตราการเติบโต
  • อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate): สะท้อนภาวะของตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ

การวิเคราะห์นโยบายการเงิน (Monetary Policy Analysis)

การวิเคราะห์นโยบายการเงินของธนาคารกลางเป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยสิ่งที่ควรติดตามได้แก่

  • การประชุมธนาคารกลาง (Central Bank Meetings): ผลการประชุมจะเกี่ยวข้องกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ
  • การแถลงข่าวของประธานธนาคารกลาง (Central Bank President Speeches): ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางมักจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
  • รายงานนโยบายการเงิน (Monetary Policy Reports): รายงานที่ออกโดยธนาคารกลาง จะมีการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจ การเงิน และทิศทางนโยบายในอนาคต

การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

การจัดการความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญในการเทรด Forex โดยมีแนวทางพื้นฐานดังนี้

การกำหนดระดับ Stop Loss และ Take Profit

  • การคำนวณขนาดของตำแหน่งการเทรด (Position Sizing): นักเทรดควรคำนวณให้เหมาะสม ไม่ใช้เงินเกินกว่าที่รับความเสี่ยงได้
  • การกำหนดอัตราส่วนระหว่างผลกำไรและผลขาดทุน (Risk-to-Reward Ratio): ควรกำหนดให้สัดส่วนผลกำไรสูงกว่าผลขาดทุน เพื่อให้มีกำไรในระยะยาว

 

 

การจัดการอารมณ์ในการเทรด (Emotional Management)

นอกจากการควบคุมความเสี่ยงแล้ว การควบคุมอารมณ์ก็เป็นสิ่งจำเป็น

  • การควบคุมความกลัวและความโลภ (Controlling Fear and Greed): อย่าให้ความกลัวหรือความโลภมาบดบังการตัดสินใจ จนทำให้เสียวินัยการเทรด
  • การรักษาวินัยในการเทรด (Trading Discipline): ทำตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัด ทั้งจุดเข้าเทรด จุดตัดขาดทุน และจุดทำกำไร
  • การจดบันทึกการเทรด (Trading Journal): การทำบันทึกการเทรดจะช่วยให้วิเคราะห์ผลการเทรดตัวเองได้ และปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดียิ่งขึ้น

กลยุทธ์เทรด Forex ยอดนิยม (Popular Trading Strategies)

มีกลยุทธ์การเทรดหลากหลายที่นิยมใช้กัน ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น

กลยุทธ์ Trend Following

  • การใช้ Moving Averages เพื่อระบุแนวโน้ม: อาจใช้ค่าเฉลี่ยราคาหลายช่วงเวลา เพื่อดูว่าราคาอยู่เหนือหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนั้น
  • การเทรดตามทิศทางของแนวโน้ม (Trend Direction): ถ้าแนวโน้มเป็นขาขึ้น ก็เปิดสถานะซื้อ ถ้าเป็นขาลงก็เปิดสถานะขาย
  • การใช้ Breakout เพื่อเข้าเทรด: รอจังหวะที่ราคาสามารถผ่านแนวต้านหรือทะลุแนวรับ เพื่อเข้าเทรดตามทิศทางราคาใหม่

กลยุทธ์ Breakout

  • การระบุระดับ Breakout : มองหาระดับราคาสำคัญ เช่น จุดสูงสุด-ต่ำสุดของกรอบราคา หรือแนวรับแนวต้านที่เกิดขึ้นหลายครั้ง
  • การยืนยันสัญญาณ Breakout ด้วยปริมาณการซื้อขาย (Volume Confirmation): ถ้าราคาผ่านจุด Breakout โดยมีปริมาณการซื้อขายสูงด้วย จะเป็นการยืนยันความน่าเชื่อถือของสัญญาณ
  • การจัดการความเสี่ยงในการเทรด Breakout: ควรวางแผนจุดตัดขาดทุน ในกรณีที่ราคาย้อนกลับมาหลังจาก Breakout

กลยุทธ์ Range Trading

  • การระบุระดับแนวรับและแนวต้าน: ใช้ระดับแนวรับแนวต้านเพื่อเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาใกล้แนวรับ และเปิดสถานะขายเมื่อราคาใกล้แนวต้าน
  • การเทรดในช่วงของกรอบราคา (Range-bound Trading): เหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนไม่มาก โดยซื้อที่แนวรับและขายที่แนวต้าน
  • การใช้ Oscillators ในการหาจังหวะเข้าเทรด: เช่น RSI และ Stochastic เพื่อบอกจังหวะซื้อขายเมื่อถึงเขตซื้อมากเกินไป หรือขายมากเกินไป

 

Forex

 

การพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์ (Strategy Development and Optimization)

กลยุทธ์การเทรดไม่ได้หยุดนิ่ง แต่ต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงอยู่เสมอ โดยอาศัย

การทดสอบย้อนหลัง (Backtesting)

  • การใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อทดสอบกลยุทธ์: โดยการจำลองการเทรดกับข้อมูลราคาย้อนหลังดู ซึ่งปัจจุบันมีโปรแกรมช่วยทำได้ง่าย
  • การประเมินผลการทดสอบย้อนหลัง: ดูผลกำไร ขาดทุน อัตราชนะ สถิติอื่นๆ ของกลยุทธ์ เพื่อวัดประสิทธิภาพ
  • การปรับปรุงกลยุทธ์ตามผลการทดสอบย้อนหลัง: ปรับพารามิเตอร์ของกลยุทธ์ เช่น ค่าเฉลี่ยที่ใช้ ค่า overbought ค่า oversold ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

การปรับพารามิเตอร์ของกลยุทธ์ (Strategy Parameter Optimization)

  • การใช้เทคนิค Optimization เพื่อหาค่าพารามิเตอร์ที่เหมาะสม: โปรแกรมทดสอบย้อนหลังบางตัวมีฟังก์ชัน Optimization ที่ช่วยปรับค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • การระวังปัญหา Over-optimization: การปรับพารามิเตอร์จนได้ผลดีเกินจริง อาจไม่สามารถนำไปใช้ได้ดีในอนาคต เพราะเป็นการปรับให้เหมาะกับข้อมูลอดีตมากเกินไป
  • การทดสอบกลยุทธ์ด้วยข้อมูลนอกช่วงที่ใช้ในการ Optimize (Out-of-sample Testing): ควรมีการแบ่งข้อมูลเป็น 2 ชุด คือชุดที่ใช้ปรับพารามิเตอร์ และชุดที่ใช้ทดสอบกลยุทธ์หลังปรับ เพื่อดูว่ากลยุทธ์ยังใช้ได้ผลดีกับข้อมูลใหม่หรือไม่

การพัฒนา กลยุทธ์เทรด Forex นั้น ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจในปัจจัยพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิค ไปจนถึงการทดสอบและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ นักเทรดที่ประสบความสำเร็จจึงต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของตลาดอันผันผวน แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสนี้

การมีวินัยในการปฏิบัติตามแผนการเทรดและบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด ก็เป็นอีกคุณสมบัติสำคัญของนักเทรดมืออาชีพ หากสามารถรักษาวินัย และพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับบุคลิกนิสัยและระดับความเสี่ยงของตนได้แล้ว ก็นับเป็นการเดินมาถูกทางในการก้าวสู่ความสำเร็จในการ เทรด Forex แล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และทักษะที่จะค่อยๆ พัฒนาขึ้นในภายหลัง

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

 

การเรียนรู้วิธีเทรด Forex นั้นอาจจะดูซับซ้อน ท้าทาย และใช้เวลา แต่หากมีความอดทน มุ่งมั่น ไม่หยุดที่จะเรียนรู้พัฒนาตนเอง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่ใครๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้ได้ และนั่นจะเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ทางการลงทุนที่ทั้งท้าทายและให้ผลตอบแทนคุ้มค่า สำหรับผู้ที่พร้อมจะก้าวออกมาเรียนรู้และลงมือทำอย่างจริงจัง

crossmenu