เงินเฟ้อ (Inflation) เป็นคำที่มักได้ยินในบริบทเศรษฐกิจ การเมือง หรือการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเมื่อสินค้าหรือบริการที่คุณเคยซื้อราคาถูกกลับมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เงินเฟ้อไม่ใช่แค่เรื่องราคาของสินค้าและบริการที่แพงขึ้นเท่านั้น มันยังเกี่ยวข้องกับความเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง บทความนี้จะเจาะลึกถึงความหมาย สาเหตุ ผลกระทบ และวิธีแก้ไขเงินเฟ้อ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับปรากฏการณ์นี้   เงินเฟ้อ คืออะไร? เงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้มูลค่าของเงินลดลงหรือกำลังซื้อของเงินที่เรามีอยู่ลดลง ตัวอย่างเช่น หากเงิน 100 บาทสามารถซื้อสินค้าได้ 10 ชิ้นในปีนี้ ในปีถัดไปอาจซื้อได้เพียง 8 ชิ้นหากเกิดเงินเฟ้อ ตัวชี้วัดเงินเฟ้อ เงินเฟ้อสามารถวัดได้จากดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) หรือดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI) ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการในกลุ่มต่างๆ ตัวอย่างในชีวิตจริง ในปี 2010 ราคาน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 30 บาทต่อลิตร แต่ในปี 2023 ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 40-50 บาทต่อลิตร ค่าอาหารในร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา […] อ่านต่อ

การเทรด Forex ระยะสั้นเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งหวังการทำกำไรภายในระยะเวลาสั้น ๆ โดยทั่วไปในระดับนาที ชั่วโมง หรือต่อวัน แตกต่างจากการลงทุนระยะยาวที่มักใช้เวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ นักลงทุนที่เทรดระยะสั้นจำเป็นต้องมีการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในบทความนี้เราจะอธิบายวิธีการเทรด Forex ระยะสั้นให้ประสบความสำเร็จ ครอบคลุมถึงวิธีการเลือกคู่เงิน เครื่องมือที่จำเป็น และการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม   การเทรด Forex ระยะสั้น คืออะไร? การเทรด Forex ระยะสั้นเป็นการลงทุนที่เน้นทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาภายในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยนักเทรดจะเปิดและปิดออเดอร์ในเวลาอันรวดเร็ว เช่น ภายในไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่เกินวันเดียว โดยไม่ถือออเดอร์ข้ามคืน เนื่องจากการเทรดในระยะสั้นมีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนของตลาด นักเทรดจึงต้องวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพื่อให้สามารถทำกำไรได้ ประเภทของการเทรด Forex ระยะสั้น Scalping Scalping เป็นการเทรดที่เน้นทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยในระยะเวลาสั้นมาก มักจะอยู่ในช่วง 1-5 นาทีต่อออเดอร์ ซึ่งนักเทรดจะเปิดออเดอร์หลายครั้งตลอดวันเพื่อสะสมกำไร Scalping ต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจและความเชี่ยวชาญในการอ่านกราฟ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคามักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว Day Trading Day Trading เป็นการเทรดที่เปิดและปิดสถานะในวันเดียวกัน โดยนักเทรดจะไม่ถือสถานะเปิดข้ามวัน ทำให้ไม่ต้องรับความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดปิด Day Trading เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถติดตามตลาดได้ตลอดทั้งวันและสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างละเอียด Swing […] อ่านต่อ

การลงทุนใน Forex มีหลายวิธีที่ตอบโจทย์หลากหลายกลุ่มนักลงทุน และหนึ่งในวิธีที่เป็นที่นิยมก็คือ การเทรด Forex ระยะกลาง ซึ่งเน้นการถือครองตำแหน่งระยะเวลาปานกลาง ตั้งแต่ไม่กี่วันถึงหลายสัปดาห์ เทคนิคนี้เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงความผันผวนในระยะสั้นแต่ก็ไม่ต้องการถือครองเป็นเวลานานเช่นการเทรดระยะยาว ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีการเทรด Forex ระยะกลาง ตั้งแต่ข้อดี ข้อเสีย เทคนิคที่ควรรู้ รวมถึงกลยุทธ์ที่ใช้บ่อย ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น   การเทรด Forex ระยะกลางคืออะไร? การเทรด Forex ระยะกลาง (Medium-Term Trading) คือการซื้อขายสกุลเงินที่นักลงทุนมุ่งหวังผลตอบแทนจากแนวโน้มระยะกลาง โดยปกติจะถือครองตำแหน่งไว้ในระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์จนถึงหลายสัปดาห์ แตกต่างจากการเทรดระยะสั้นที่เน้นการเคลื่อนไหวภายในวันและการเทรดระยะยาวที่ถือครองตำแหน่งเป็นเดือนหรือปี การเทรดระยะกลางนี้จะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์แนวโน้มระยะกลาง ซึ่งมีข้อดีคือไม่ต้องติดตามตลาดทุกวัน แต่ก็ยังสามารถจับการเคลื่อนไหวในตลาดที่มีความผันผวนได้บ้าง ประโยชน์ของการเทรด Forex ระยะกลาง ลดความผันผวนจากระยะสั้น: นักเทรดสามารถหลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด: การเทรดระยะกลางไม่จำเป็นต้องติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดเหมือนการเทรดรายวัน โอกาสในการทำกำไรระยะกลาง: การเทรดแบบนี้ช่วยให้ผู้เทรดสามารถเข้าถึงผลตอบแทนจากแนวโน้มที่แข็งแกร่งในระยะกลาง     ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเทรด Forex ระยะกลาง การเทรด Forex ระยะกลางต้องการการวิเคราะห์ที่ละเอียดและครอบคลุมเพื่อให้เห็นภาพรวมของแนวโน้มระยะกลาง รวมถึงการพิจารณาปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงเวลานี้ การวิเคราะห์แนวโน้มราคา นักเทรดระยะกลางควรเน้นการวิเคราะห์แนวโน้มราคา โดยการใช้กราฟระยะวัน […] อ่านต่อ

การลงทุนในตลาดเทรด Forex ไม่ได้มีเพียงแค่การเทรดระยะสั้นเท่านั้น สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างยั่งยืน การเทรด Forex ระยะยาว ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความผันผวน และสร้างโอกาสในการทำกำไรจากแนวโน้มที่แข็งแกร่งในตลาด แม้ว่าการเทรดระยะสั้นจะเป็นที่นิยมมากกว่าเนื่องจากความรวดเร็ว แต่การเทรดระยะยาวนั้นมีข้อดีที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและลดความเสี่ยงในระยะยาว     ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงการเทรด Forex ระยะยาว ประโยชน์ ข้อเสีย เทคนิคที่ใช้ได้จริง รวมถึงปัจจัยที่ต้องพิจารณา เพื่อช่วยให้คุณสามารถวางแผนการลงทุนที่ยั่งยืนได้อย่างมั่นใจ   การเทรด Forex ระยะยาวคืออะไร? การเทรด Forex ระยะยาว คือการลงทุนที่เน้นการถือครองสกุลเงินไว้เป็นเวลานานกว่าปกติ โดยอาจจะนานเป็นสัปดาห์ เดือน หรือแม้แต่ปี แตกต่างจากการเทรดระยะสั้นที่มีการซื้อขายบ่อยครั้ง ซึ่งการเทรดระยะยาวจะเน้นไปที่การวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวของตลาดเพื่อหาจังหวะที่ดีที่สุดในการลงทุนและถือครองในช่วงเวลาที่เหมาะสม ประโยชน์ของการเทรด Forex ระยะยาว ลดความเสี่ยงจากความผันผวน: การถือครองสินทรัพย์ในระยะยาวช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนในตลาดที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นได้ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การเทรดระยะยาวช่วยลดจำนวนครั้งในการซื้อขาย ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าธรรมเนียมและสเปรดได้ สามารถตั้งเป้าหมายระยะยาว: เหมาะกับนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนที่ยาวนานกว่าและไม่ต้องการเสียเวลาติดตามตลาดทุกวัน   ปัจจัยสำคัญสำหรับการเทรด Forex ระยะยาว การเทรด Forex ระยะยาวต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจที่แม่นยำโดยอิงจากปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อทิศทางตลาดในระยะยาว ดังนี้: การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดระยะยาวสามารถคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศที่สกุลเงินนั้น […] อ่านต่อ

สัญญาการซื้อขายส่วนต่างหรือ CFD (Contract for Difference) เป็นหนึ่งในเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดการเงินทั่วโลก CFD เป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งจากการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นและลงโดยไม่จำเป็นต้องครอบครองสินทรัพย์จริง ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงความหมาย ประโยชน์ ความเสี่ยง และวิธีการเทรด CFD สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าใจเครื่องมือการลงทุนประเภทนี้อย่างละเอียด   CFD คืออะไร? CFD หรือ Contract for Difference คือสัญญาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะชำระเงินต่างกันระหว่างราคาซื้อและราคาขายของสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง นักลงทุนที่เปิดตำแหน่ง CFD จึงไม่มีการเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น ทองคำ หรือน้ำมัน แต่สามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์เหล่านั้นได้ CFD ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1990 โดยสถาบันการเงินในสหราชอาณาจักร เพื่อให้สถาบันและนักลงทุนสามารถเก็งกำไรโดยไม่ต้องซื้อขายสินทรัพย์จริง ความนิยมของ CFD เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากความยืดหยุ่นที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงสินทรัพย์หลากหลายประเภท ปัจจุบัน การเทรด CFD เป็นที่นิยมมากในตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ และดัชนี     ประโยชน์ของการเทรด CFD ในรูปแบบต่างๆ ความสามารถในการทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง การเทรด […] อ่านต่อ

การลงทุนในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่หุ้นหรือพันธบัตร การเทรด CFD และ Forex เป็นสองรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดการเงิน ทั้งสองมีความน่าสนใจและข้อดีที่ต่างกัน แต่สำหรับผู้ที่สนใจลงทุน ควรทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง การเทรด CFD กับการเทรด Forex เพื่อเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับความต้องการและระดับความเสี่ยงของตนเอง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจลักษณะพื้นฐานของการเทรดทั้งสองแบบ รวมถึงข้อดีและข้อเสียในแต่ละรูปแบบ   การเทรด CFD คืออะไร? CFD ย่อมาจาก Contract for Difference หรือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง ซึ่งเป็นสัญญาทางการเงินระหว่างนักเทรดและโบรกเกอร์ โดยนักเทรดสามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้น เช่น หุ้น, ทองคำ, น้ำมัน หรือสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ในขณะที่การเทรด CFD จะอนุญาตให้นักลงทุนทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง โดยการเปิด “คำสั่งซื้อ” (Long) หากคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น หรือเปิด “คำสั่งขาย” (Short) หากคาดว่าราคาจะลดลง นักเทรดจะจ่ายเฉพาะส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขายของสินทรัพย์ที่เลือก ซึ่งทำให้มีโอกาสรับผลกำไรหรือขาดทุนตามการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์นั้น ๆ   การเทรด Forex คืออะไร? Forex […] อ่านต่อ

ในโลกของการลงทุนและการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ Dollar Index หรือที่เรียกว่า DXY คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักเทรด Forex ใช้ในการวิเคราะห์และประเมินความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยดัชนีนี้ถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้ทราบถึงสถานะของดอลลาร์เมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินหลักอื่น ๆ ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Dollar Index จะช่วยให้นักเทรดมีมุมมองที่ลึกซึ้งขึ้นต่อแนวโน้มของตลาดเงินตรา และสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น   Dollar Index คืออะไร? Dollar Index หรือเรียกอย่างย่อว่า DXY คือดัชนีที่ใช้วัดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับกลุ่มสกุลเงินหลัก 6 สกุลของโลก ได้แก่ ยูโร (EUR), เยนญี่ปุ่น (JPY), ปอนด์อังกฤษ (GBP), ดอลลาร์แคนาดา (CAD), โครนสวีเดน (SEK) และ ฟรังก์สวิส (CHF) โดยแต่ละสกุลเงินเหล่านี้จะมีน้ำหนักที่แตกต่างกันในดัชนี ซึ่งถูกออกแบบมาให้สะท้อนภาพรวมของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับกลุ่มเศรษฐกิจหลักของโลก ทำไม Dollar Index จึงสำคัญ? ดัชนีดอลลาร์ถูกใช้อย่างแพร่หลายเพื่อประเมินสถานะและความแข็งแกร่งของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ หากดัชนีดอลลาร์สูงขึ้น หมายความว่าค่าเงินดอลลาร์กำลังแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน หากดัชนีลดลงแสดงว่าค่าเงินดอลลาร์กำลังอ่อนตัวลง ความเคลื่อนไหวของดัชนีนี้มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนทั่วโลก […] อ่านต่อ

Slippage เป็นคำที่ผู้สนใจในการลงทุน Forex หรือการซื้อขายออนไลน์อาจพบเจออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการซื้อขายของนักลงทุนและอาจนำไปสู่การเสียกำไรหรือขาดทุนอย่างไม่คาดคิด ในบทความนี้เราจะอธิบายให้เข้าใจว่า slippage คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และเทคนิคที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเจอ slippage ในการเทรด Forex   Slippage คืออะไร? Slippage หมายถึง ความแตกต่างระหว่างราคาที่นักลงทุนตั้งใจจะซื้อหรือขายกับราคาที่ได้รับจริงในขณะที่คำสั่งซื้อถูกประมวลผล โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น ตลาด Forex Slippage มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความผันผวนของราคาอย่างมากหรือมีการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วทำให้ราคาที่นักลงทุนตั้งไว้ไม่สามารถจับได้ทัน ทำไมถึงเกิด Slippage? Slippage สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้: ความผันผวนของตลาด: ในช่วงที่มีข่าวสำคัญ ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้เร็วและทำให้ราคาเคลื่อนไหวไปจากจุดที่นักลงทุนตั้งคำสั่งไว้ สภาพคล่องในตลาดต่ำ: เมื่อไม่มีคู่ค้าพร้อมที่จะทำรายการในราคาที่นักลงทุนต้องการ ส่งผลให้ระบบต้องจับคู่กับราคาอื่นที่ใกล้เคียงแทน คำสั่งการซื้อขายทันที: คำสั่งซื้อขายที่ต้องการให้ดำเนินการทันทีอาจเจอปัญหาของ Slippage มากกว่าคำสั่งรอดำเนินการ     ประเภทของ Slippage Slippage ในการซื้อขาย Forex แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้: Slippage บวก (Positive […] อ่านต่อ

Forex Rebate คือระบบคืนค่าคอมมิชชั่นหรือส่วนลดจากการทำธุรกรรมการซื้อขายในตลาดเทรด Forex เมื่อคุณเปิดออเดอร์ซื้อหรือขายผ่านโบรกเกอร์ที่ร่วมโปรแกรม Forex Rebate โบรกเกอร์จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าสเปรดตามปกติ แต่ส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมนั้นจะถูกคืนให้คุณในรูปของ “รีเบต” โดยการคืนเงินนี้สามารถช่วยลดต้นทุนในการเทรดได้ ซึ่งนักเทรดสามารถรับรีเบตได้ไม่ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุนจากการเทรดนั้นก็ตาม     การทำงานของ Forex Rebate ในตลาด Forex การซื้อขายสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่นคู่เงิน EUR/USD หรือ GBP/JPY ต้องอาศัยการดำเนินการผ่านโบรกเกอร์ ซึ่งจะมีการคิดค่าธรรมเนียม หรือค่าสเปรดในแต่ละออเดอร์ โบรกเกอร์บางแห่งมีการเสนอโปรแกรม Forex Rebate โดยจ่ายคืนส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมที่เก็บไปให้แก่ลูกค้าหรือผ่านพันธมิตร (Introducing Broker - IB) ซึ่งทำให้นักเทรดได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้นโดยตรง การทำงานของรีเบตจะขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อขาย โดยยิ่งนักเทรดมีจำนวน Lot หรือปริมาณการเทรดมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับเงินคืนจากรีเบตมากขึ้น ส่วนการคืนเงินนั้นอาจมาในรูปแบบของเงินสดเข้าบัญชีการเทรด หรือเป็นเครดิตในบัญชีที่สามารถใช้ในการเทรดต่อได้   รูปแบบของ Forex Rebate Direct Rebate เป็นการคืนเงินรีเบตโดยตรงเข้าบัญชีเทรดของนักเทรด คุณสามารถใช้เงินนี้ในการซื้อขายเพิ่มเติมหรือถอนออกเป็นเงินสดได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของโบรกเกอร์ Partner Rebate […] อ่านต่อ