Published on September 9, 2024
กลยุทธ์ Turtle Trading เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของตลาดการเงิน กลยุทธ์นี้ถูกพัฒนาโดย Richard Dennis และ William Eckhardt ซึ่งเป็นเทรดเดอร์และนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในช่วงปี 1980 กลยุทธ์ Turtle Trading มีแนวคิดหลักในการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) โดยใช้กฎที่ชัดเจนในการเข้าและออกจากตลาด วิธีการนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดมีแนวโน้มที่ชัดเจน บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์ Turtle Trading ตั้งแต่พื้นฐานของแนวคิด หลักการทำงาน และวิธีการนำไปใช้ในการเทรด
กลยุทธ์ Turtle Trading ถูกพัฒนาขึ้นโดย Richard Dennis และ William Eckhardt สองเทรดเดอร์ที่มีชื่อเสียงในวงการฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ ในปี 1983 Richard Dennis ได้เดิมพันกับ William Eckhardt ว่าเขาสามารถฝึกสอนใครก็ได้ให้กลายเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ โดยใช้กลยุทธ์การเทรดที่มีการวางแผนและมีหลักการชัดเจน Dennis เชื่อว่าเทรดเดอร์ที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่สามารถฝึกฝนได้
Dennis ได้คัดเลือกผู้เรียนที่เรียกว่า "Turtles" และสอนพวกเขาเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) ภายใต้กฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเข้าสู่ตลาด การจัดการความเสี่ยง และการออกจากตลาด ผลลัพธ์ที่ได้พิสูจน์ว่ากลยุทธ์นี้สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว และ "Turtles" หลายคนได้กลายเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในวงการการเงิน
กลยุทธ์ Turtle Trading เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการตามแนวโน้มหลักของตลาด และมีการตั้งกฎที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเข้าสู่และออกจากตลาด รวมถึงการจัดการความเสี่ยง กลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้กับสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้น ฟิวเจอร์ส ค่าเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์
การเข้าสู่ตลาดและการออกจากตลาดในกลยุทธ์ Turtle Trading ถูกกำหนดโดยกฎที่ชัดเจนในการใช้เส้นแนวโน้ม (Breakout) ของราคา โดยเทรดเดอร์จะเข้าสู่ตลาดเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้มที่กำหนดไว้ (เช่น สูงสุดหรือต่ำสุดในช่วง 20 วัน) และออกจากตลาดเมื่อราคาลดลงมาที่ระดับที่กำหนดไว้
ในการเข้าสู่ตลาด เทรดเดอร์จะทำการซื้อเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้มสูงสุดของช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น 20 วัน) และขายเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้มต่ำสุดของช่วงเวลานั้น กฎการเข้าซื้อขายนี้เรียกว่า "Breakout Entry" และมีเป้าหมายในการตามแนวโน้มใหญ่ของตลาด ซึ่งมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงที่ยาวนาน
การออกจากตลาดในกลยุทธ์ Turtle Trading ถูกกำหนดโดยการตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) และจุดออกตามแนวโน้ม (Trend Exit) เพื่อป้องกันการสูญเสียและรักษากำไรที่ได้จากการตามแนวโน้ม ตัวอย่างเช่น การตั้งจุดหยุดขาดทุนที่ระดับต่ำสุดของช่วง 10 วัน หรือการออกเมื่อราคาปรับตัวลดลงมาถึงระดับที่กำหนด
การจัดการความเสี่ยงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกลยุทธ์ Turtle Trading โดยเทรดเดอร์จะกำหนดขนาดการลงทุน (Position Size) ตามระดับความเสี่ยงที่สามารถรับได้ โดยใช้หน่วยความเสี่ยง (Risk Unit) ที่เรียกว่า "N" ซึ่งคำนวณจากความผันผวนของราคา (Volatility) เทรดเดอร์จะปรับขนาดการลงทุนตามความผันผวนและสภาพตลาดเพื่อให้สามารถป้องกันการสูญเสียที่มากเกินไปได้
หน่วยความเสี่ยง "N" คำนวณจากค่าเฉลี่ยการเคลื่อนไหวของราคา (Average True Range: ATR) ซึ่งเป็นตัววัดความผันผวนของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น 20 วัน) เทรดเดอร์จะใช้ N ในการคำนวณขนาดการลงทุนโดยการแบ่งจำนวนเงินที่เสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งด้วยค่า N เพื่อกำหนดจำนวนหน่วยที่ต้องการซื้อขาย
เทรดเดอร์ในกลยุทธ์ Turtle Trading จะปรับขนาดการลงทุนโดยคำนึงถึงความผันผวนและความเสี่ยง เทรดเดอร์จะไม่ลงทุนเกิน 2% ของเงินทุนทั้งหมดในแต่ละการเทรดเพื่อป้องกันความสูญเสียที่มากเกินไป การจัดการขนาดการลงทุนช่วยให้เทรดเดอร์สามารถอยู่รอดในตลาดที่มีความผันผวนและยังคงสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว
การนำกลยุทธ์ Turtle Trading ไปใช้ในทางปฏิบัติต้องอาศัยความเข้าใจในกฎที่ชัดเจนและการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องมีวินัยในการปฏิบัติตามกฎและการจัดการความเสี่ยงในทุกครั้งที่ทำการเทรด
กลยุทธ์ Turtle Trading สามารถใช้ได้กับหลายประเภทของสินทรัพย์ เช่น หุ้น ฟิวเจอร์ส สินค้าโภคภัณฑ์ และค่าเงิน เทรดเดอร์ควรเลือกสินทรัพย์ที่มีความผันผวนเพียงพอและมีแนวโน้มที่ชัดเจน เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการตามแนวโน้มของตลาด
การใช้โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ (Algorithmic Trading) สามารถช่วยในการปฏิบัติตามกฎของกลยุทธ์ Turtle Trading ได้อย่างแม่นยำ โปรแกรมเทรดอัตโนมัติสามารถตั้งค่าเพื่อให้ทำการซื้อขายเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้มที่กำหนดไว้และออกจากตลาดตามกฎที่กำหนด ทำให้ลดความผิดพลาดที่เกิดจากอารมณ์และความไม่มั่นใจของมนุษย์
การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของกลยุทธ์ Turtle Trading ควรพิจารณาผลตอบแทน ความเสี่ยง และความเสถียรของกำไรที่ได้รับ การทดสอบย้อนกลับ (Backtesting) และการวิเคราะห์ประสิทธิภาพในสภาวะตลาดที่แตกต่างกันเป็นวิธีที่ดีในการประเมินว่ากลยุทธ์นี้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของเทรดเดอร์หรือไม่
กลยุทธ์ Turtle Trading มีข้อดีและข้อเสียที่เทรดเดอร์ควรพิจารณาก่อนที่จะนำไปใช้
ข้อดีของกลยุทธ์นี้คือการมีความชัดเจนในกฎเกณฑ์การเทรด การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการมุ่งเน้นการตามแนวโน้มใหญ่ของตลาด ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว การมีกฎที่ชัดเจนช่วยลดความไม่แน่นอนและอารมณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเทรด
ข้อเสียของกลยุทธ์นี้คือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจนหรือมีความผันผวนต่ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดการขาดทุนหลายครั้งติดต่อกัน การเทรดตามแนวโน้มอาจไม่เหมาะสมในสภาวะตลาดที่แกว่งตัวไปมา (Range-bound Market) หรือไม่มีทิศทางที่ชัดเจน
กลยุทธ์ Turtle Trading เป็นกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มที่มีชื่อเสียงและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำกำไรได้ในระยะยาว โดยมีกฎที่ชัดเจนในการเข้าและออกจากตลาด รวมถึงการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะมีข้อดีมากมาย แต่การนำไปใช้ในทางปฏิบัติต้องคำนึงถึงสภาพตลาดและความเหมาะสมกับสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคล การเรียนรู้และปฏิบัติตามกลยุทธ์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรและรักษาทุนในตลาดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว