Published on October 24, 2024
Market Structure หรือโครงสร้างตลาด เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับนักเทรด Forex ในการทำความเข้าใจรูปแบบของราคาและแนวโน้มของตลาด โดยการวิเคราะห์ Market Structure ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุทิศทางของราคา แนวรับ แนวต้าน และจุดกลับตัวได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการวางแผนการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ
Market Structure ในตลาด Forex หมายถึงการจัดรูปแบบของราคาโดยแบ่งเป็นช่วงต่าง ๆ ซึ่งแสดงถึงสภาวะตลาดและแนวโน้มที่เกิดขึ้น เช่น ช่วงขาขึ้น (Uptrend) ช่วงขาลง (Downtrend) และช่วงไม่มีแนวโน้ม (Sideway) การเข้าใจโครงสร้างเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์ในการเทรดได้อย่างเหมาะสม
ตลาดขาขึ้น หรือ Uptrend (ลิงก์ Uptrend) เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) และจุดต่ำสุดใหม่ (Higher Low) ต่อเนื่องกัน ซึ่งบ่งบอกว่ามีแรงซื้อในตลาดที่สูงกว่าความกดดันจากฝั่งขาย การเทรดในช่วงนี้มักมุ่งเน้นไปที่การซื้อ (Long) เพื่อทำกำไรจากการขึ้นของราคา
ตลาดขาลง หรือ Downtrend เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) และจุดสูงสุดใหม่ (Lower High) ซึ่งแสดงถึงแรงขายที่มากกว่าแรงซื้อ นักเทรดมักใช้กลยุทธ์การขาย (Short) ในช่วงนี้เพื่อทำกำไรจากการลดลงของราคา
ตลาด Sideway หรือ Ranging Market เกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนที่ในกรอบแคบและไม่มีทิศทางที่ชัดเจน โดยราคามักสวิงไปมาระหว่างแนวรับและแนวต้าน ช่วงนี้นักเทรดอาจเลือกกลยุทธ์การซื้อขายแบบระยะสั้นตามระดับแนวรับ-แนวต้าน หรือรอให้ราคาทะลุกรอบก่อนเข้าสู่สถานะ
แนวรับคือระดับราคาที่นักเทรดคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาและหยุดการลดลงของราคา ขณะที่แนวต้านคือระดับที่คาดว่าจะมีแรงขายและหยุดการขึ้นของราคา การระบุแนวรับและแนวต้านช่วยให้นักเทรดกำหนดจุดเข้าและออกจากตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ่านเนื้อหาแนวรับแนวต้านเพิ่มเติม >> แนวรับและแนวต้าน
Trendline คือเส้นที่ลากเชื่อมจุดสูงหรือต่ำของราคาที่สำคัญในแนวโน้มนั้น ๆ เพื่อแสดงทิศทางของราคา นักเทรดมักใช้เส้นแนวโน้มเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเข้าสู่ตลาดตามแนวโน้ม
รูปแบบกราฟ เช่น Head and Shoulders, Double Top และ Double Bottom เป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา รูปแบบเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดคาดการณ์การเคลื่อนไหวในอนาคตได้แม่นยำขึ้น
การเปลี่ยนแปลง Market Structure บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม ตัวอย่างเช่น หากตลาดขาขึ้นมีการทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มไปสู่ขาลง นักเทรดจำเป็นต้องคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไร
การเทรดตาม Market Structure ช่วยให้นักเทรดสามารถเข้าสู่สถานะตามแนวโน้มได้อย่างมั่นใจ ตัวอย่างเช่น เมื่อราคาอยู่ในช่วงขาขึ้น นักเทรดจะมองหาจุดเข้าที่เกิด Higher Low เพื่อเข้าสู่สถานะ Long และทำกำไรจากการขึ้นของราคา
การวาง Stop Loss ในการเทรดตามโครงสร้างตลาดช่วยปกป้องนักเทรดจากการขาดทุนหากตลาดเปลี่ยนทิศทาง เช่น การตั้ง Stop Loss ไว้ใต้จุดต่ำสุดล่าสุดในช่วงขาขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหายหากแนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาลง
ในตลาด Sideway หรือ Ranging Market การรอให้ราคาทะลุแนวรับหรือต้านออกจากกรอบ (Breakout) เป็นกลยุทธ์ที่นิยม นักเทรดสามารถเปิดสถานะตามทิศทางของ Breakout เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา
ข้อดี
Market Structure เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเทรดและช่วยให้นักเทรดเข้าใจทิศทางของตลาดอย่างชัดเจน การใช้โครงสร้างนี้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เช่น อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
ข้อจำกัด
Market Structure อาจไม่เสถียรในช่วงตลาดที่มีความผันผวนสูง ทำให้เกิดสัญญาณเท็จได้ง่าย การพึ่งพา Market Structure เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ นักเทรดควรใช้เครื่องมืออื่น ๆ ประกอบในการตัดสินใจ
Market Structure เป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับการเทรด Forex ช่วยให้นักเทรดเข้าใจแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา ทำให้สามารถวางแผนการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผสมผสานการใช้โครงสร้างตลาดร่วมกับการจัดการความเสี่ยงและเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรด นักเทรดที่เข้าใจ Market Structure อย่างลึกซึ้งสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมั่นใจและมีระเบียบวินัยในการบริหารความเสี่ยง