Published on May 28, 2024
Non-Farm Payrolls (NFP) คือ รายงานทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดทำและเผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics) เป็นประจำทุกเดือน โดยแสดงถึงจำนวนตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมนอกเหนือจากภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่สำคัญของสุขภาพเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ
รายงาน NFP มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานเป็นปัจจัยชี้นำที่สำคัญของการบริโภคและการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของ GDP สหรัฐฯ หากตัวเลข NFP ออกมาดี แสดงว่าตลาดแรงงานแข็งแกร่ง คนมีงานทำและรายได้มากขึ้น ก็จะส่งผลบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม ในทางกลับกัน ถ้าตัวเลข NFP ต่ำหรือติดลบ ก็จะสะท้อนถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจและอาจนำไปสู่การชะลอตัวหรือถดถอยในที่สุด
เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินสำรองหลักในการทำธุรกรรมและการลงทุนระหว่างประเทศ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ
รายงาน NFP ประกอบด้วยข้อมูลสำคัญหลายประการเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้แก่
ตัวเลขนี้บอกถึงจำนวนตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำที่สำคัญของการจ้างงานและกิจกรรมทางธุรกิจ โดยการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 200,000 ตำแหน่งถือว่าเป็นสัญญาณบวก ขณะที่การลดลงหรือเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 100,000 ตำแหน่งถือเป็นสัญญาณลบ ส่วนที่ระดับ 100,000-200,000 ตำแหน่งถือว่าเป็นกลาง
คือ อัตราส่วนของจำนวนผู้ว่างงานเทียบกับจำนวนกำลังแรงงานทั้งหมด โดยคำนวณจากการสำรวจครัวเรือน ซึ่งสะท้อนถึงสภาพของตลาดแรงงานในภาพรวม อัตราการว่างงานยิ่งต่ำแสดงว่าตลาดแรงงานยิ่งตึงตัวและเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ขณะที่หากสูงขึ้นก็บ่งชี้ถึงความอ่อนแอมากขึ้น
คือ ค่าเฉลี่ยของค่าตอบแทนรายชั่วโมงของแรงงานในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่เกิดจากต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่า 0.3% ในแต่ละเดือนถือว่ามีนัยสำคัญ หากค่าจ้างเพิ่มสูงเป็นสัญญาณของเงินเฟ้อที่มากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
คือ ค่าเฉลี่ยของจำนวนชั่วโมงทำงานรายสัปดาห์ของแรงงานในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นอีกตัวบ่งชี้ของความต้องการจ้างงานและแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของชั่วโมงทำงานแสดงถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของกำลังการผลิต ส่วนการลดลงอาจสะท้อนให้เห็นการชะลอตัว
หากตัวเลข NFP ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ มักจะส่งผลบวกต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะดึงดูดเงินทุนไหลเข้าสู่สหรัฐและเพิ่มอุปสงค์ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ผลของการแข็งค่าอาจถูกจำกัดได้ หากตัวเลขออกมาดีเกินไปจนทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องฟองสบู่และความไม่แน่นอนในนโยบาย Fed
ในทางตรงกันข้าม หากตัวเลข NFP ออกมาต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ ก็มักจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทันที เพราะสะท้อนถึงเศรษฐกิจที่อ่อนแอและโอกาสที่ Fed อาจต้องชะลอการขึ้นดอกเบี้ยหรือกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งจะลดแรงดึงดูดเงินทุนเข้าสู่สหรัฐและกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่า อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขแย่มากๆ จนคาดว่าจะเกิดภาวะถดถอย ดอลลาร์ก็อาจไม่อ่อนค่ามากนักเพราะอาจมีแรงซื้อกลับเนื่องจากสถานะสกุลเงินปลอดภัย (Safe Haven)
เพื่อเพิ่มโอกาสในการคาดการณ์ตัวเลข NFP ได้แม่นยำ เทรดเดอร์ควรติดตามดัชนีชี้นำตลาดแรงงานอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้า เช่น รายงานการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ซึ่งมักมีแนวโน้มสอดคล้องกับ NFP และรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (Jobless Claims) ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะของตลาดแรงงานล่าสุด หากเห็นสัญญาณบวกจากตัวเลขเหล่านี้ ก็น่าจะเป็นสัญญาณของ NFP ที่แข็งแกร่งตามมา
นอกจากการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจริงแล้ว เทรดเดอร์ยังอาจใช้ประโยชน์จากการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญในตลาด ซึ่งมักจะมีการให้คำคาดการณ์ตัวเลข NFP ก่อนวันประกาศจริง โดยอาจดูจากสื่อต่างๆ เว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งหากเสียงส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางใด ก็อาจใช้เป็นสัญญาณการเทรดเบื้องต้นได้ แต่ต้องระวังความเอนเอียงที่อาจเกิดขึ้นด้วย
เทรดเดอร์ควรศึกษาและวิเคราะห์ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะก่อนหน้า เช่น GDP, ภาคการผลิต, ภาคบริการ, การใช้จ่ายและความเชื่อมั่นผู้บริโภค เพื่อประเมินว่าน่าจะเอื้อต่อการจ้างงานมากน้อยเพียงใด รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, ภาษี และกฎระเบียบของรัฐบาลที่จะมีผลต่อการจ้างงาน ซึ่งอาจช่วยในการคาดเดา NFP ได้