แนวรับและแนวต้าน Forex คืออะไร วิธีใช้ประโยชน์ ในการเทรดต่างๆ

Published on August 29, 2024

ในตลาดการซื้อขายสกุลเงิน (Forex) การทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวรับและแนวต้านเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนและผู้ค้าที่ต้องการประสบความสำเร็จ แนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือทางเทคนิค ที่ใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา ช่วยให้สามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้อย่างแม่นยำ บทความนี้จะพาท่านไปทำความรู้จักกับแนวรับและแนวต้านในตลาด Forex รวมถึงวิธีการวิเคราะห์และนำไปใช้ในการตัดสินใจซื้อขาย

 

แนวรับและแนวต้านคืออะไร?

แนวรับและแนวต้านคืออะไร?

แนวรับและแนวต้านเป็นระดับราคาที่สำคัญในกราฟราคา ซึ่งมีความสามารถในการหยุดหรือชะลอการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แนวรับมักจะทำหน้าที่เป็นจุดต่ำสุดที่ราคามีแนวโน้มที่จะกลับตัวขึ้น ในขณะที่แนวต้านเป็นจุดสูงสุดที่ราคามีแนวโน้มที่จะกลับตัวลง การระบุแนวรับและแนวต้านอย่างแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ

แนวรับ (Support)

แนวรับคือระดับราคาที่ราคาสินทรัพย์เคยเคลื่อนไหวลงมาถึงและหยุดตกลงในอดีต โดยแนวรับมักจะทำหน้าที่เป็นจุดที่มีแรงซื้อเข้ามามากพอที่จะหยุดการลดลงของราคาและดันราคาขึ้นอีกครั้ง การระบุแนวรับในกราฟสามารถช่วยให้นักลงทุนรู้ว่าเมื่อใดควรทำการซื้อหรือปิดตำแหน่ง Short เพื่อทำกำไร

แนวต้าน (Resistance)

แนวต้านคือระดับราคาที่ราคาสินทรัพย์เคยเคลื่อนไหวขึ้นไปถึงและหยุดขึ้นในอดีต โดยแนวต้านมักจะทำหน้าที่เป็นจุดที่มีแรงขายเข้ามามากพอที่จะหยุดการเพิ่มขึ้นของราคาและดันราคาลงอีกครั้ง การระบุแนวต้านในกราฟสามารถช่วยให้นักลงทุนรู้ว่าเมื่อใดควรทำการขายหรือปิดตำแหน่ง Long เพื่อทำกำไร

 

support-and-resistance

 

วิธีการระบุแนวรับและแนวต้าน

การระบุแนวรับและแนวต้านเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยมีหลายวิธีที่นักลงทุนสามารถใช้ในการค้นหาแนวรับและแนวต้านในกราฟราคา

การใช้กราฟราคาเปล่า (Price Action)

หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดและได้รับความนิยมคือการใช้กราฟราคาเปล่าเพื่อระบุแนวรับและแนวต้าน โดยการดูจากจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดในกราฟราคาที่ผ่านมา หากราคาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่เคยเกิดขึ้นและไม่สามารถผ่านไปได้ มักจะกลายเป็นแนวต้าน ในทางกลับกัน หากราคาลงไปถึงจุดต่ำสุดที่เคยเกิดขึ้นและไม่สามารถลดลงได้อีก มักจะกลายเป็นแนวรับ

การใช้เส้นแนวโน้ม (Trendlines)

เส้นแนวโน้มเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการระบุแนวรับและแนวต้านที่เกิดขึ้นในตลาดที่มีแนวโน้ม (Trend) เส้นแนวโน้มถูกวาดโดยการเชื่อมต่อจุดต่ำสุดในตลาดขาขึ้น หรือจุดสูงสุดในตลาดขาลง เส้นนี้จะทำหน้าที่เป็นแนวรับในตลาดขาขึ้นและแนวต้านในตลาดขาลง การใช้เส้นแนวโน้มช่วยให้สามารถระบุระดับราคาที่มีความสำคัญในการตัดสินใจซื้อขายได้

 

เปิดบัญชีเทรดที่ ALPFOREX

 

การใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement

Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการระบุแนวรับและแนวต้านในตลาดโดยอิงจากสัดส่วนตัวเลข Fibonacci โดยตัวเลขสำคัญที่มักใช้คือ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และ 100% โดยนักลงทุนมักใช้ Fibonacci Retracement ในการคาดการณ์จุดกลับตัวของราคาและระบุระดับแนวรับและแนวต้านในช่วงการแกว่งตัวของราคา

การใช้ค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ (Moving Averages)

ค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการระบุแนวรับและแนวต้าน โดยเฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้ม ค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่มักจะทำหน้าที่เป็นแนวรับในช่วงที่ราคาขึ้น และเป็นแนวต้านในช่วงที่ราคาลง ค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ระยะสั้น เช่น 50 วัน มักถูกใช้ในการระบุแนวรับและแนวต้านในระยะสั้น ขณะที่ค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ระยะยาว เช่น 200 วัน มักถูกใช้ในการระบุแนวรับและแนวต้านในระยะยาว

 

แนวรับและแนวต้านเพื่อตัดสินใจซื้อขาย

 

สามารถใช้แนวรับและแนวต้านเพื่อตัดสินใจซื้อขาย

แนวรับและแนวต้านไม่เพียงแต่เป็นจุดอ้างอิงสำหรับการวิเคราะห์กราฟราคา แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ

การซื้อที่แนวรับและขายที่แนวต้าน

หนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่เรียบง่ายและได้รับความนิยมคือการซื้อที่แนวรับและขายที่แนวต้าน เมื่อตลาดเคลื่อนไหวไปถึงแนวรับ นักลงทุนอาจพิจารณาเปิดตำแหน่ง Long โดยคาดหวังว่าราคาจะเด้งขึ้นจากแนวรับ และเมื่อตลาดเคลื่อนไหวไปถึงแนวต้าน นักลงทุนอาจพิจารณาเปิดตำแหน่ง Short โดยคาดหวังว่าราคาจะปรับตัวลงจากแนวต้าน กลยุทธ์นี้สามารถช่วยให้สามารถจับโอกาสในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงที่ตลาดมีความชัดเจน

การใช้ Breakout และ Reversal

ในบางกรณี ราคาสามารถทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านได้ ซึ่งเรียกว่า Breakout การทะลุผ่านแนวรับมักจะเป็นสัญญาณของตลาดขาลงที่กำลังจะเริ่มต้น ขณะที่การทะลุผ่านแนวต้านมักจะเป็นสัญญาณของตลาดขาขึ้นที่กำลังจะเริ่มต้น นักลงทุนสามารถใช้ Breakout ในการเปิดตำแหน่งตามทิศทางของการทะลุผ่านเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวที่ตามมา นอกจากนี้ การใช้แนวรับและแนวต้านยังสามารถช่วยในการระบุจุดกลับตัว (Reversal) ของราคาได้ โดยเมื่อราคามีการทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านและกลับมาทดสอบแนวเดิม การไม่สามารถทะลุผ่านอีกครั้งอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของราคา

การใช้แนวรับและแนวต้านร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ

การใช้แนวรับและแนวต้านร่วมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence) หรือ Stochastic Oscillator สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจซื้อขาย ตัวชี้วัดเหล่านี้สามารถช่วยในการยืนยันสัญญาณที่ได้จากแนวรับและแนวต้าน และลดโอกาสในการเข้าสู่ตำแหน่งที่ผิดพลาด

การใช้ แนวรับและแนวต้าน มีข้อควรระวังอะไรบ้าง

แม้ว่าแนวรับและแนวต้านจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังที่นักลงทุนควรทราบ

ความไม่แน่นอนของตลาด

ตลาด Forex มีความผันผวนสูงและอาจเคลื่อนไหวอย่างไม่คาดคิด แนวรับและแนวต้านอาจถูกทะลุผ่านได้ง่ายในสภาวะตลาดที่ผันผวน ดังนั้น การใช้แนวรับและแนวต้านควรทำควบคู่ไปกับการพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ข่าวเศรษฐกิจ, สถานการณ์การเมือง, หรือเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา

การจัดการความเสี่ยง

ในการใช้แนวรับและแนวต้านในการตัดสินใจซื้อขาย ควรมีการจัดการความเสี่ยงที่ดีเสมอ การตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดของราคา การมีแผนการซื้อขายที่ชัดเจนและการรักษาวินัยในการปฏิบัติตามแผนเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

 

สรุปความสำคัญในการใช้แนวรับและแนวต้านกับการเทรด Forex

แนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค และการพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายในตลาด Forex การเข้าใจและสามารถระบุแนวรับและแนวต้านอย่างแม่นยำจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมั่นใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้แนวรับและแนวต้านควรทำควบคู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่น ๆ และการจัดการความเสี่ยงอย่างมีระเบียบวินัยเพื่อให้ประสบความสำเร็จในตลาดที่ซับซ้อนและมีความผันผวน

crossmenu