Published on February 7, 2024
Timeframe คืออะไร ควรเลือกกรอบเวลาอย่างไรดี สิ่งสำคัญต่อการเทรดที่ช่วยให้การเทรดสำเร็จได้มากน้อย บางครั้งการมองเห็นราคาปรับตัวรุนแรง แต่ในความเป็นจริงราคาไม่ได้ลงเหมือนอย่างที่เราเห็นก็เป็นไปได้ ทางออกที่ดีคือการเลือกดูบางช่วงเวลาตาม Timeframe จะทำให้เราเห็นเหตุการณ์จริงแบบ Realtime ในเวลาขณะนั้นนั่นเอง
บางคนยังไม่เข้าใจว่า Timeframe คืออะไร มีความสำคัญต่อการเทรดอย่างไร หากจะให้ตีความหมายตรงตัว Time คือเวลา frame คือ กรอบ หากนำมารวมกันก็คือ กรอบเวลานั่นเอง ซึ่งหมายถึงกรอบเวลาที่มีแท่งเทียนจำนวนมาก และแสดงผลเป็นกราฟ แท่งเทียนที่แสดงข้อมูลให้เห็นอย่างละเอียด ทั้งราคาเปิด ราคาสูงสุด - ต่ำสุด รวมถึงราคาปิด การแสดงราคาในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เท่านั้น คุณสามารถที่จะกำหนดว่าต้องการซื้อขายในช่วงเวลาใดบ้าง สำหรับการเลือกใช้ Program MT4/5 มีหลายช่วงเวลาให้เลือกใช้งาน M1, M5, M15, M30, H1, H4, D1, W/1, MN แต่ละแบบมีความหมายแตกต่างกันออกไปคือ เช่น M = Minute (นาที) , H = Hour (ชั่วโมง) , D = Day (วัน) , W = Week (อาทิตย์) , MN = Month (เดือน)
สำหรับเทรดเดอร์บางคนอาจสับสนไม่รู้ว่า Timeframe คืออะไร ควรเลือกใช้งานในช่วงเวลาแบบใดกันแน่ หากคุณต้องการเทรดระยะสั้นหรือยาวควรเลือกกรอบเวลาให้เหมาะสม เช่นคุณต้องการเทรดระยะยาวการเลือกกรอบเวลาควรเป็นแบบรายสัปดาห์ แบบเดือน หรือแบบปี เพื่อต้องการเห็นมุมมองของราคากว้างขึ้นนั่นเอง จึงเหมาะกับการเล่นตาม Trend เพราะจุดอ่อนคือการแกว่งตัวกว้างจึงเทรดได้ไม่เยอะแนะนำว่าเทรดเดอร์ควรใจเย็น หากคุณเลือกกรอบเวลาเป็นแบบระยะสั้นอาจเทรดแบบรายชั่วโมง-สัปดาห์ก็ได้ การเทรดสามารถทำได้หลายครั้งและค่าสเปรดมักจะปรับขึ้นลงตามออเดอร์และความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นได้เมื่อถือข้ามคืน กรณีเลือกการเทรดแบบรายวันควรเลือกเป็น 1-15 นาที ซึ่งคุณสามารถเลือกเทรดได้ตลอดวันและทำให้คุณสามารถเก็งกำไรได้ตลอดและรู้ผลขาดทุน-ทำกำไรได้ตลอด
หากต้องการเทรดอย่างเห็นผล การเลือก Timeframe คืออะไร ควรมีแนวทางเลือกกรอบเวลาอย่างถูกวิธี โดยมีปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้
สิ่งแรกคือการสังเกตว่าเราใช้เวลาในการเทรดแต่ละวันมากน้อยเพียงใด มีเวลามากน้อยเพียงใด หากเป็นคนชอบนั่งเฝ้าหน้าจอสามารถเลือกเปิดสัญญาณซื้อขายได้บ่อย ๆ หากเป็นคนชอบซื้อขายเร็วเห็นผลกำไรขาดทุนไว ๆ แนะนำเทรดเดอร์ที่ชอบสไตล์นี้ควรเทรดแบบระยะสั้นจำพวก 1-15 นาที ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หากเป็นเทรดเดอร์ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูสัญญาณหรือไม่มีเวลาว่างต่อวันมากนัก การเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมควรเป็น TF แบบระยะยาวจึงจะเหมาะสมที่สุด การเลือก TF สามารถเลือกให้เหมาะกับสไตล์ตนเอง เช่นกลุ่มคนที่ทำงานประจำ แต่หลังเลิกงานแล้วก็เลือกกรอบเวลาแบบระยะสั้นได้เพราะได้จำกัดรูปแบบ สามารถเลิกได้ตามวันและเวลาว่างที่ตนมี
มีทั้งเทรดเดอร์มืออาชีพและมือสมัครเล่น ทำให้การเลือกกรอบเวลามีความแตกต่างกันตามประสบการณ์เทรดเดอร์นั่นเอง สำหรับเทรดที่มีประสบการณ์เทรดมาแล้วจะทำให้มีความคุ้นเคยในตลาดมาแล้วบ้าง สามารถวิเคราะห์และมองรูปแบบกราฟได้แม่นยำมากขึ้น สามารถเลือก TF แบบสั้นแต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือมือสมัครเล่นยังไม่มีความรู้หรือประสบการณ์มาก่อน แนะนำให้เลือก TF แบบกลาง ๆ เช่น 1 วัน หรือ 4 ชั่วโมง เพื่อสะดวกในการอ่านและวิเคราะห์ Price Trends ได้ง่ายกว่าการเทรดระยะสั้น
การทำความเข้าใจ Timeframe คืออะไร ก่อนการเทรดมีความจำเป็นไม่น้อย สิ่งที่ควรเรียนรู้การเลือกกรอบเวลาการเทรด ทำให้นักลงทุนเลือก TF ได้ตรงกับสไตล์ตนเองไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือนักลงทุนหน้าใหม่หลายคนคิดว่าการเลือกหลาย ๆ TF เป็นผลดี บางคนก็ว่าเป็นผลเสีย ในความเป็นจริงการเลือก TF ที่กว้างหรือยาว มีส่วนช่วยให้เรามองเห็นแนวโน้มหรือทิศทางของราคาที่เป็นมุมกว้างมากขึ้น เช่นการเลือก TF 4 ชั่วโมง จะทำให้เรามองเห็นเทรนด์ของราคาที่กว้างมากขึ้น ซึ่งรูปแบบการเทรดแบบนี้เหมาะกับผู้ที่ชอบการเทรดแบบปกติหรือเป็นมือสมัครเล่นนั่นเอง สำหรับผลเสียของการเลือกหลาย TF แบบสั้น ซึ่งเป็นการออกคำสั่งที่เน้นความเร็วจึงทำให้รู้ผลกำไรขาดทุนได้ไว มักจะเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์การเทรดมานาน สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้นั่นคือความผันผวนของตลาดที่อาจเกิดแรงเหวี่ยง บางครั้งราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้เร็วและวิเคราะห์ตลาดมองการณ์ไม่ขาด ก็มีโอกาสเกิดเป็น Risk of Loss ได้
ทำความเข้าใจ Timeframe คืออะไร การเลือกใช้กรอบเวลาให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของ Trader เพราะว่ามันมีผลต่อความสำเร็จ รวมถึงการเลือกใช้กลยุทธ์แต่ละคนประกอบด้วย การเทรดที่ดีแนะนำว่าไม่ควรเลือกใช้ TF เดียว ควรประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อผลลลัพธ์ที่ดี