Published on June 4, 2024
Hedging เป็นกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงในตลาดการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ซึ่งมีความผันผวนสูง Hedging มีวัตถุประสงค์เพื่อลดหรือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยการเปิดสถานะที่มีทิศทางตรงข้ามหรือสัมพันธ์กับสถานะหลักที่มีอยู่ เพื่อทำให้ผลกำไรขาดทุนโดยรวมมีความเสี่ยงลดลง
Direct Hedging เป็นการเปิดสถานะซื้อและขายพร้อมกันในคู่สกุลเงินเดียวกัน ด้วยขนาดเท่ากัน เพื่อทำให้ผลกำไรขาดทุนหักล้างกัน ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนมีสถานะซื้อ (Long) ในคู่สกุลเงิน EUR/USD อยู่ก่อนแล้ว และต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการอ่อนค่าของยูโร ก็สามารถเปิดสถานะขาย (Short) ในคู่เดียวกันเพิ่มเติมได้
ข้อดีและข้อจำกัดของ Direct Hedging
Cross Currency Hedging เป็นการป้องกันความเสี่ยงโดยการเปิดสถานะในคู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์กับคู่สกุลเงินหลักที่มีอยู่ เช่น หากมีสถานะซื้อในคู่ EUR/USD อาจเปิดสถานะขายในคู่ GBP/USD เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการอ่อนค่าของยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
การใช้กลยุทธ์ Cross Currency Hedging จำเป็นต้องวิเคราะห์สหสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างคู่สกุลเงินต่างๆ เพื่อหาคู่ที่มีความสัมพันธ์กันในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน (Positive Correlation) หรือสวนทางกัน (Negative Correlation) ซึ่งจะช่วยให้การ Hedging มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สมมติว่านักลงทุนมีสถานะซื้อ EUR/USD อยู่ และต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการอ่อนค่าของยูโร หากวิเคราะห์แล้วพบว่าคู่ GBP/USD มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับคู่ EUR/USD ในระดับสูง ก็สามารถเปิดสถานะขาย GBP/USD เพื่อ Hedging ความเสี่ยงได้ โดยหากยูโรอ่อนค่าลง ปอนด์ก็มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเช่นกัน ทำให้ผลขาดทุนจากสถานะซื้อ EUR/USD ถูกชดเชยด้วยผลกำไรจากสถานะขาย GBP/USD
Option Hedging เป็นการใช้อนุพันธ์ทางการเงินประเภทออปชัน (Option) ในการป้องกันความเสี่ยง โดยออปชันจะให้สิทธิแก่ผู้ถือในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง ณ ราคาและเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งช่วยจำกัดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาได้
ประเภทของออปชันที่ใช้ใน Hedging Forex
ข้อดีและความเสี่ยงของการใช้ออปชัน
ในการเลือกใช้กลยุทธ์ Hedging นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนควรพิจารณาใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงอื่นๆ ร่วมกับการทำ Hedging เช่น การวางแผน Stop Loss และ Take Profit ที่เหมาะสม การกระจายความเสี่ยงด้วยการแบ่งขนาดสถานะ เพื่อลดผลกระทบจากความผิดพลาดในการคาดการณ์ทิศทางตลาด
สำหรับ Scalpers ที่เน้นการเปิดปิดสถานะอย่างรวดเร็วเพื่อแสวงหากำไรจากความผันผวนระยะสั้นของราคา การใช้ Hedging อาจไม่จำเป็นมากนัก เนื่องจากมีการจำกัดความเสี่ยงด้วยการถือสถานะในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม Scalpers อาจพิจารณาใช้ Direct Hedging หรือ Option Hedging ในกรณีที่ตลาดมีความผันผวนสูงเกินไป เพื่อปกป้องผลกำไรและจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
Day Traders (ลิงก์ day trade) ที่ถือสถานะข้ามคืนหรือในระยะเวลาเป็นวัน มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคามากกว่า Scalpers ดังนั้นการใช้ Hedging จึงมีความสำคัญมากขึ้น Day Traders อาจเลือกใช้ Direct Hedging หรือ Cross Currency Hedging เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญหรือปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนของราคา เช่น การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ หรือการแถลงนโยบายทางการเงิน
Swing Traders ที่ถือสถานะเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการเมืองมากกว่านักลงทุนระยะสั้น ดังนั้นการใช้ Hedging จึงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การลงทุน Swing Traders อาจเลือกใช้ Cross Currency Hedging หรือ Option Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเหตุการณ์สำคัญหรือการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐาน โดยอาจปรับสัดส่วนการ Hedging ให้สอดคล้องกับมุมมองตลาดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Hedging Forex เป็นกลยุทธ์ที่มีความสำคัญในการบริหารความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน Forex โดยช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้แม้ในสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม การใช้ Hedging มีต้นทุนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง นักลงทุนจึงควรเลือกใช้กลยุทธ์ Hedging ที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และสภาวะตลาดในขณะนั้น รวมถึงใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงอื่นๆ