ตัวบ่งชี้ TMA เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มเทรดเดอร์มักจะเรียกกันว่าสามเหลี่ยมค่าเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีของการคำนวณเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ มีลักษณะการเคลื่อนที่แบบเรียบสองเท่าตามสูตรซึ่งทำงานได้ดีในการระบุทิศทางเพื่อหาความสัมพันธ์กับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ TMA มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง สำหรับการเทรดฟอเร็กซ์จำเป็นต้องทราบองค์ประกอบหลากหลายเพื่อการวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการหาTMA ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยนเคลื่อนที่แบบสามเหลี่ยมและเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญไม่น้อย โดยเป็นสูตรง่าย ๆ ในอัลกอริธึ่มใช้เพื่อคำนวณการเคลื่อนไหวของราคาเฉลี่ยสองครั้ง โดยมีหลักการคำนวณในครั้งแรกคือการหาราคาเฉลี่ยในแบบ SMA ครั้งที่สองคือการคำนวณค่าเฉลี่ยของ SMA ภายใน Timeframe หรือกรอบเวลาตามที่นักลงทุนเป็นผู้เลือก   วิธีใช้ตัวชี้วัด TMA บนแพลตฟอร์ม MT4 สำหรับวิธีการใช้ตัวบ่งชี้ TMA บนแพลตฟอร์ม MT4 ซึ่งมีสองตัวเลือกภายในการตั้งค่าตัวบ่งชี้ โดยที่เทรดเดอร์สามารถเลือกปรับลักษณะเส้นได้ตามความต้องการ ระยะเวลาในที่นี้หมายถึงจำนวนแท่งหรือช่วงเวลาที่ตัวบ่งชี้ใช้เพื่อคำนวณซึ่งเป็นตัวแปรหลักส่งผลต่อความไวของเส้นตัวบ่งชี้ ส่วน นำไปใช้กับ นั้นหมายถึงจุดราคาบนแท่งเทียนที่ใช้เป็นตัวคำนวณ โดยมีตัวเลือกและจุดราคาที่เกี่ยวข้องให้เลือกเช่น 0-ปิด , 1-เปิด , 2-สูง , 3-ต่ำ , 4-ราคากลาง (HL/2) , 5-ราคาปกติ (HLC/3) , 6-การปิดถ่วงน้ำหนัก (HLCC/4) การหาตัวบ่งชี้ TMA สามารถช่วยให้เทรดเดอร์สามารถพิจารณาแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาทั่วไป […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | March 13, 2024

Simple moving average หรือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบปกติ มีตัวย่อว่า SMA โดยเป็นรูปแบบที่เหมาะใช้หาแนวรับ แนวต้าน ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย ที่ให้ความในแต่ละวันเท่ากันและไม่ค่อยจะแกว่งตัวไปตามราคาในปัจจุบัน จึงเป็นเส้นค่าเฉลี่ยที่บ่งบอกกับเราว่าราคาสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาเฉลี่ยย้อนหลัง   เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ SMA มีกี่แบบ? เมื่อพูดถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ซึ่งเป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่นักลงทุนส่วนใหญ่นิยมสูงสุด ถือว่าเส้น SMA เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่เคลื่อนไหวไปตามราคาเท่า ๆ กัน โดยทั่วไปแล้วความน่าเชื่อถือของแนวเส้นที่มีความยาวมีความน่าเชื่อถือมากกว่าแนวสั้นแบบสั้น เพราะช่วยลดสัญญาณรบกวนและสะท้อนถึงแนวโน้มในระยะได้ผลที่ดีกว่าระยะสั้น ทั้งนี้แนวเส้นแบบระยะสั้นมีประโยชน์ในด้านการระบุแนวโน้มใหม่ การดูกรอบเวลาที่เราสามารถกำหนดตั้งค่าได้เองซึ่งมีกรอบเวลาต่างกันในแผนภูมิ เช่น 10 วัน ,  20 วัน , 50 วัน เพื่อเช็คว่ามีแนวโน้มอ่อนแอหรือแข็งแกร่งมากน้อยเท่าใด หากเราเลือกเปิดใช้งานในจำนวนวันมาก ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการมองเห็นแนวโน้มระยะยาวของราคาได้ชัดเจนมากขึ้น     ประโยชน์การใช้งาน Simple Moving Average ประโยชน์การใช้งานของ Simple Moving Average อย่างแท้จริง คือการให้แนวเส้นที่ราบเรียบ และมีโอกาสเกิดการเคลื่อนที่ขึ้นลงเพียงแค่ชั่วขณะเท่านั้น เทรดเดอร์หลายคนชอบการใช้งาน SMA รวมถึงนักวิเคราะห์ที่ทำงานกับแผนภูมิเพราะใช้งานเพื่อประโยชน์ของการเคลื่อนที่ […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | March 11, 2024

Indicator ที่เทรดเดอร์หลายคนมักจะมองข้าม Momentum ในกลุ่ม Oscillator ที่ได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาล่าสุด สามารถระบุความแข็งแรงของสัญญาณเคลื่อนไหวได้เร็ว ทำให้เทรดเดอร์มองเห็นช่องว่างของราคาที่ผันผวนได้มีส่วนสำคัญช่วยเก็งกำไรให้ได้ผลดีสุด   ปัจจัยที่ผลต่อ Momentum Oscillator ปัจจัยที่มีผลต่อการเทรดโมเมนตัม สามารถแบ่งประเภทใหญ่ ๆ ได้ 3 ประเภท ดังนี้ Volatility คือความผันผวนที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นปัจจัยอันดับแรกที่ส่งผลการเทรด จากการแกว่งตัวของราคาที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เห็นช่องว่างจากจุดนี้และเป็นโอกาสเข้ามาทำกำไรในรูปแบบระยะสั้นได้ทันที Volume Forex ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอันดับสอง ปริมาณการซื้อขายในตลาดส่วนใหญ่เลือกซื้อขายมากกว่า หากสังเกตเห็นว่ามีฝั่งใดฝั่งหนึ่งมีความถี่ของปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างเร็ว คือการสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของการเกิด Trend แบบต่อเนื่องได้ Timeframe ปัจจัยสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนมองข้ามนั่นคือกรอบเวลา การเทรดที่อาศัยการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของราคามีผลเมื่อปริมาณการซื้อขายมากน้อยแค่ไหนโดยส่วนมากนักลงทุนมักจะชอบทำกำไรใน TF แบบสั้นเพื่อง่ายต่อการเก็งกำไรในอนาคตและไม่ต้องรอนาน     ประเภทของ Momentum Oscillator ที่ควรรู้ ทำความรู้จักประเภทของโมเมนตัม สามารถแบ่งได้ 2 ประเภทดังนี้ Relative Momentum ประเภทนี้ถือว่ามีส่วนสำคัญช่วยให้เทรดเดอร์ทุกท่านสามารถเปรียบเทียบพฤติกรรมของคู่สกุลที่เลือกเทรดฟอเร็กซ์ สามารถบอกได้ว่าสินทรัพย์ในขณะนั้นสภาวะอย่างไร เช่นกำลังอ่อนแอคือต้องขาย ในทางกลับกันราคาสินทรัพย์แข็งแกร่งต่อเนื่องคือต้องซื้อ Absolute momentum ประเภทนี้ที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปรียบเทียบพฤติกรรมของคู่เงินที่ในปัจจุบัน […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | March 8, 2024

การทดสอบย้อนกลยุทธการเทรดเพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์นั้น ๆ ใช้งานได้ดีหรือไม่ ตัวประเมินความผันแปรที่อ้างอิงข้อมูลเก่ามาคำนวณ การ Backtesting จึงเป็นที่ยอมรับในกลุ่มนักลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง รวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ของกลยุทธในการซื้อขาย  หากการทดสอบผ่านไปด้วยดีนั่นคือผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับจริง   เป้าหมายและการทำงานของ Backtesting เป็นอย่างไร เป้าหมายการทดสอบกลยุทธก่อนนำไปใช้งานในตลาดฟอเร็กซ์จริง ๆ จุดประสงค์ที่หลายคนเลือกทำ Backtesting เสียก่อนเพราะต้องการเลี่ยงความเสี่ยงหรือการสูญเสีย เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ที่นำมาทดสอบนั้นใช้งานได้จริงเห็นผลทำกำไรได้จริงเมื่อนำมาใช้งานในตลาดการลงทุน หากผลการทดสอบไม่ดีหรือไม่เป็นไปตามที่คิด นักลงทุนสามารถเลี่ยงไม่ใช้งานได้ เป้าหมายการเทรดแบบหวังผลและลดความสูญเสียหรือการขาดทุน พื้นฐานการทดสอบกลยุทธ์เพื่อคาดหวังผลลัพธ์ที่ส่งผลดีในอนาคต ทั้งนี้กลยุทธ์ที่สามารถทำงานได้ดีในตลาดบางครั้งอาจล้มเหลวในอีกสภาพแวดล้อมหนึ่งก็ได้ เทรดเดอร์ควรตัดสินใจทดสอบเพื่อความมั่นใจในการเทรดจริง ๆ อย่างไรก็ตามไม่ควรลืมว่าการทดลองก็ควรจะรวมค่าธรรมเนียมซื้อขาย การถอนเงิน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ การทดสอบเสมือนเป็นการเทรดจริงแม้ว่าจะเป็นเพียงการเทสแต่ก็ไม่ได้รับประกันถึงความแม่นยำ 100% ต้องไม่ลืมว่าข้อมูลที่นำมาใช้ในการทดสอบแต่ละครั้งคือข้อมูลจากอดีต ผลดำเนินงานในตลาดจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพราะในตลาดฟอเร็กซ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้มีความคลาดเลื่อนได้ตลอด แต่ผลลัพธ์ถือว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นซ้ำรอยตามกลยุทธ์ที่เราทดสอบก็เป็นได้   รูปแบบกลยุทธ์ Backtesting มีกี่แบบ รูปแบบกลยุทธ์แบ่งออกได้ 2 วิธี มีดังนี้ กลยุทธ์การ Backtest อัตโนมัติ สำหรับการเทรดในวิธีนี้จะเป็นแบบออโต้ ซึ่งวิธีนี้อาศัยการเขียนโค้กเพื่อใช้ในการทดสอบการเทรดแบบออโต้ วิธีนี้อาจจะซับซ้อนเกินกว่าที่นักลงทุนหน้าใหม่จะเข้าใจได้ เชื่อว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่อาจไม่ชอบวิธีนี้เพราะต้องทราบวิธีเขียนโค้ด กลยุทธ์การ Backtest ด้วยตัวเอง ถือว่าวิธีสามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้ทุกระดับชั้น แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะการเขียนโค้ด […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | March 7, 2024

การเทรดฟอเร็กซ์ของเทรดเดอร์ทุกคนจะต้องพบกับคำศัพท์หลากหลาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นคำศัพท์แปลตรงตัวทำให้การแปลความหมายไม่ได้ยาก เช่นเดียวกับ Breakout Trading คือ การผ่าวงล้อม หากเป็นความหมายในวงการฟอเร็กซ์ ก็จะหมายถึงการทะลุแนวรับ แนวต้าน สื่อถึงราคาอาจจะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในเร็วนี้   ทำความรู้จักกับการผ่าวงล้อม Breakout Trading ก่อนการเทรดควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการผ่าวงล้อม เทรดเดอร์ทุกคนควรทำความเข้าใจกับความหมาย Breakout Trading ซึ่งเป็นความหมายของการผ่าวงล้อมเพื่อเพิ่มโอกาสเก็งกำไรแบบเห็นผลสำเร็จ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิค การพิจารณากราฟที่มีแนวรับและแนวต้านเพื่อให้ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่กำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรก หากมีการเคลื่อนไหวทะลุกรอบนั่นหมายถึงสัญญาณเตือนให้เห็นแนวโน้มที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนไหวทะลุกรอบไปด้านบน หมายความว่าราคามีแนวโน้มที่สูงขึ้น หากเคลื่อนไหวทะลุกรอบมาด้านล่าง หมายถึง ราคามีแนวโน้มต่ำลง ประโยชน์และข้อจำกัดการใช้งานเบรกเอาท์เทรดดิ้ง เทรดเดอร์ส่วนมากนิยมใช้ประโยชน์จากสัญญาณผ่าวงล้อมหรือเบรกเอาท์ ถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการเปิดออเดอร์ซื้อขาย โดยที่เทรดเดอร์สามารถเปิดสัญญาการซื้อขายเพื่อติดตามราคาได้ หากราคาเกิดการผ่าวงล้อมขึ้นมาเมื่อใดจะเห็นได้ว่าการวิ่งของราคารุนแรง นอกจากนี้ประโยชน์การเทรดที่ช่วยสร้างโอกาสเก็งกำไรได้เพิ่มมากขึ้น อย่างที่ทราบดีว่าการคาดการณ์ทิศทางของราคาไม่มีทางเดาทางได้แม่นยำแบบ 100% เพราะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดจากหลาย ๆ ปัจจัยที่ส่งผลต่อแนวโน้มราคา หากนักลงทุนสามารถเปิดสัญญาได้ถูกจังหวะยิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จ แต่การวิเคราะห์เบรกเอาท์อาจไม่ใช่เรื่องง่ายหรือทำกำไรได้ตลอด สำหรับทุกคนที่มีประสบการณ์หรือมือใหม่หัดเทรดสามารถทำความเข้าใจกับรูปแบบและพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคา     สำหรับข้อจำกัดการใช้งาน Breakout Trading ที่ล้มเหลวส่วนมากเกิดจากราคาที่เคลื่อนไหวเกินแนวรับหรือแนวต้าน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนหลายคนเข้าใจผิดเพราะคิดว่าเป็นสัญญาณที่ถูกต้องและคาดว่าหลังจากนี้จะเกิดการกลับตัว มักจะเกิดเหตุการณ์นี้หลายครั้งก่อนที่จะเกิดเบรกเอาท์ขึ้นจริง ๆ เทรดเดอร์หลายคนเข้าใจผิดส่งผลทำให้โอกาสเก็งกำไรนั้นคาดเคลื่อนหรือมีความเป็นไปได้ลงลงนั่นเอง     Breakout […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | March 1, 2024

เทรดฟอเร็กซ์ กลายเป็นการลงทุนที่ได้รับความสนใจสูงสุด เพื่อประสิทธิภาพในการเทรดจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือทางเทคนิคเข้ามาช่วยคาดการณ์เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อขายได้อย่างแม่นยำ หากคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Price Pattern ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการทำนายทิศทางราคาที่เกิดขึ้นในอนาคตได้   คุณรู้ไหมว่าอะไรคือ Price Pattern ? ก่อนจะตัดสินใจเทรดอย่างมืออาชีพ ควรศึกษารูปแบบ Price Pattern ให้เข้าใจเสียก่อนเพราะเป็นรูปแบบการเคลื่อนที่ของราคาสินค้าในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ทำให้การคาดการณ์รูปแบบราคาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งเป็นสมมุติฐานที่เชื่อว่ารูปแบบราคาในอดีตจะเกิดขึ้นซ้ำหรือพฤติกรรมของราคามักจะสะท้อนการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายในช่วงเวลาหนึ่ง จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดการคาดการณ์แนวโน้มราคาที่กำลังจะเกิดขึ้น Price Pattern แบ่งได้กี่ประเภท เพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น การแบ่งประเภทของ Price Pattern สามารถจัดแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ รูปแบบกลับตัว ประเภทนี้เป็นสัญญาณรูปแบบราคาที่บ่งบอกว่าเทรนนี้กำลังเกิดขึ้นและกำลังจะสิ้นสุดลง หลังจากนั้นแล้วจะเปลี่ยนไปยังทิศทางตรงข้ามคือการกลับตัวสวนขึ้นไป เหตุการณ์ลักษณะนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของเทรน รูปแบบราคาในกลุ่มนี้มักจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างแรงซื้อและแรงขายในชั่วขณะหนึ่ง ตัวอย่างเช่น กลุ่มตัวที่เกิดขึ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง ความต่อเนื่องของทิศทางราคา ประเภทนี้เป็นรูปแบบสัญญาณรูปแบบของราคาที่แสดงให้เห็นการพักตัวเพื่อลดความร้อนแรงของเทรนหรือการชะลอการขาย ทิศทางของราคาที่ยังคงดำเนินไปทางเดิมอย่างต่อเนื่อง กลุ่มราคาแบบนี้มักจะเป็นราคาที่ดำเนินต่อไปอย่างแข็งแรง เทรดเดอร์มักจะอาศัยช่วงนี้เพื่อเก็งกำไรในบางส่วน ทั้งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งแบบขาขึ้นและขาลง กลุ่มราคากำลังเลือกทาง จัดว่าเป็นประเภทที่มีสัญญาณของรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่ชัดเจนว่าทิศทางของราคานั้นจะไปยังทางไหนดี ซึ่งมีความคล้ายกับรูปแบบราคาพักตัวแต่ต่างกันตรงที่ราคานั้นมีสิทธิ์พลิกเปลี่ยนไปได้ทุกทิศทาง ทั้งขาขั้นหรือขาลงก็เป็นไปได้ รูปแบบราคาในกลุ่มนี้เป็นผลจากการต่อสู้งของแรงซื้อและแรงขายที่สูสีกัน หากแรงซื้อหรือแรงขายฝ่ายใดอ่อนลงก็จะเห็นทิศทางที่แท้จริงว่าราคากำลังเลือกทางใด 7 รูปแบบ Price Pattern พื้นฐานที่ควรรู้ […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | February 28, 2024

อยากเทรด forex ให้เก่ง ๆ แนะนำว่าควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ที่เทรดเดอร์ทุกคนมัดจะเลือกนำมาใช้งาน โดยเฉพาะ Metatrader4 กับ Metatrader5 ซึ่งเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ต้องเจอและนิยมใช้งานมากที่สุดในตลาด แต่ทั้งสองเวอร์ชั่นนั้นมีความแตกต่างและมีข้อจำกัดบางประการ ทำความรู้จักกับ Metatrader4 Metatrader4 จัดว่าเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ยอดนิยมที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ จุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนี้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2005 ทำให้นักลงทุนหลายล้านคนจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงตลาดการเงินได้โดยง่าย การซื้อขายสินทรัพย์ได้หลากหลายเช่น หุ้น ดัชนี สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ ความหลากหลายของการใช้งานที่คล่องตัวและเป็นมิตรกับนักลงทุนทุกท่าน นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่อินเทอร์เฟซได้ตามที่ต้องการ จึงเป็นเครื่องมือการซื้อขายขั้นสูงที่ช่วยให้นักลงทุนทุกท่านปรับกลยุทธ์ได้ตามไลฟ์สไตล์การเทรดแต่ละคนได้อย่างง่าย   ทำความรู้จักกับ Metatrader5 Metatrader5 จัดว่าเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับการพัฒนามาจาก Metatrader4  ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2010 เวอร์นี้ถูกพัฒนาโดย MetaQuotes Software จึงเป็นฟังก์ชั่นที่เห็นถึงความพร้อมและการใช้งานสะดวก สามารถออกคำสั่งได้หลากหลายยิ่งขึ้นเช่น คำสั่ง Order, Timeframes , จำนวน  Indicator จึงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากกว่า MT4 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ความหลากหลายของสินทรัพย์ครอบคลุมได้เยอะและเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับนักลงทุนมากขึ้นกว่าเดิม   ความแตกต่างระหว่าง Metatrader5 กับ Metatrader4  เป็นอย่างไร อย่างที่ทราบกันดีว่าแพลตฟอร์มทั้ง […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | February 27, 2024

Stochastic Oscillator จัดว่าเป็น Indicator ที่เทรดเดอร์ทุกคนรู้จักกันดี และมีส่วนสำคัญช่วยให้เราตัดสินใจง่ายขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในด้านการวิเคราะห์ในตลาด เพื่อดูแนวโน้มการซื้อขาย จึงเหมาะนำมาใช้เป็นตัวช่วยเพื่อให้นักลงทุนเก็งกำไรได้ง่ายในระยะสั้น เทรดเดอร์มือใหม่ควรรู้ว่า Stochastic Oscillator คืออะไร? หากคุณเป็นนักลงทุนหน้าไม่อาจยังไม่คุ้นเคยกับ Stochastic Oscillator แต่ถ้าเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพต่างก็รู้จักกันดี เปรียบเสมือนเป็น Tools ช่วยในการเทรดอย่างหนึ่ง ใช้สำหรับวัดการเปลี่ยนแปลงของราคา จากราคาปิดเปรียบกับราคาในปัจจุบัน จากจุดนี้เองจะทำให้เทรดเดอร์เข้าใจกับสถานการณ์ดีว่าต้องเคลื่อนที่อย่างไร จะเทรนด์เลื่อนที่ไปยังทิศใดกันแน่ สำหรับอินดิเคเตอร์ตัวนี้อาศัยเส้น 2 เส้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์เห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว เส้นหนึ่งจะเคลื่อนที่เร็วกว่าอีกเส้นหนึ่ง ทำให้การคาดการณ์ของเทรดเดอร์มีความแม่นยำมากขึ้นเมื่ออ่านเครื่องมือประเภทนี้ หลักการอ่าน Stochastic Oscillator ให้ถูกต้อง ก่อนการเทรดควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Stochastic Oscillator ซึ่งมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 หลักการทำงานไม่ต่างจากเครื่องมือ Momentum ประเภทอื่น หลักการพิจารณาการอ่านค่ามี ดังนี้ หาก Indicator อยู่สูงกว่าระดับ 80 ซึ่งหมายถึงว่า ตลาดในขณะนั้นอยู่สภาวะ overbought หาก Indicator อยู่ต่ำกว่าระดับ 20 […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | February 23, 2024

Spining Top รูปแบบกราฟแท่งเทียน ที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของแรงซื้อและแรงขาย ในตลาดมีความผันผวนมากเท่าไหร่ส่งผลต่อเนื้อเทียนเล็ก หากตลาดมีความผันผวนน้อย เนื้อเทียนก็จะมากขึ้น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มีแนวโน้มขาขึ้นและขาลงมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ทั้งหมด ความรู้พื้นฐาน Spining Top ที่ควรทราบ การเทรดอย่างมีประสิทธิภาพควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Spining Top ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานของการเทรด การอ่านกราฟแท่งเทียนที่มีลักษณะไส้เทียนยาว ทั้งด้านบนและด้านล่างแต่มีเนื้อเทียนที่สั้น แต่สีเทียนนั้นไม่ได้มีผลต่อการอ่านกราฟแต่อย่างใด ความหมายของกราฟแบบนี้ ที่แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวจากราคาเปิดไปจนถึงราคาปิด ซึ่งเป็นการแสดงความพยายามทางฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย ที่กำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงราคา แม้จุดเปิดปิดอาจมีความแตกต่างกันไม่มากนัก ส่วนราคาขึ้นลง จะเห็นได้ว่าการแย่งชิงความได้เปรียบไม่ตกเป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กรณีนี้หากสปินนิ่ง ท็อปเกิดขึ้นในช่วงที่กำลังอยู่ในขาขึ้นสื่อให้เห็นว่าไม่มีคนอยากซื้อ และอาจเกิดจุดกลับเทรนได้ ในทางกลับกันหากเกิดขึ้นในช่วงทิศทางขาลงบ่งบอกว่าไม่ค่อยมีคนอยากซื้อแล้วเกิดจุดกลับ Trend ในทิศตรงกันข้ามนั่นเอง ความแตกต่างระหว่าง Spining Top กับ Doji เป็นอย่างไร ทำความเข้าใจระหว่าง Spining Top กับ Doji มีความแตกต่างกัน หากมองผิวเผิน จะเห็นได้ว่าทั้งสองแบบมีรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่มีความต่างกันที่ขนาดแท่งเทียนของโดจิมีเนื้อเทียนที่เล็กกว่า ซึ่งหมายถึงความเป็นกลางในราคาหรือแรงกดดันระหว่างผู้ซื้อขายมีความใกล้เคียงกันมาก หากเป็นเนื้อแท่งเทียนของสปินนิ่ง ท็อป ที่พบได้บ่อยเช่นกัน โดยจะสื่อถึงจุดสูงหรือต่ำสุดหากมีการเปลี่ยนแปลงในตลาด ทั้งนี้รูปแบบกราฟโดจิมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่สปินนิ่ง ท็อป ข้อจำกัดการใช้งานกราฟ […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | February 22, 2024
1 13 14 15 16 17 21
crossmenu