การเทรดฟอเร็กซ์เป็นการลงทุนที่มีความท้าทายและต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจในตลาดเป็นอย่างมาก หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมในวงการเทรดเดอร์ระดับมืออาชีพคือการใช้รูปแบบ Harmonic Patterns ซึ่งเป็นการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา ในบทความนี้ เราจะนำเสนอความรู้เกี่ยวกับ Harmonic Patterns และวิธีการใช้ในเทรดฟอเร็กซ์อย่างละเอียด     Harmonic Patterns คืออะไร? Harmonic Patterns เป็นรูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ระบุจุดกลับตัวของราคาตลาดโดยอาศัยความสัมพันธ์ของ Fibonacci Ratios รูปแบบเหล่านี้ถูกค้นพบและพัฒนาขึ้นโดย H.M. Gartley และนักวิเคราะห์คนอื่น ๆ ที่นำหลักการ Fibonacci มาใช้ในการวิเคราะห์ตลาด Harmonic Patterns จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุจุดเข้าซื้อขายที่มีโอกาสสูงที่จะเป็นจุดกลับตัวของราคาได้ Harmonic Patterns มีกี่ประเภท อะไรบ้าง? รูปแบบ Harmonic Patterns มีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน รูปแบบที่ได้รับความนิยมและมีความสำคัญได้แก่ Gartley Pattern, Bat Pattern, Butterfly Pattern และ Crab Pattern แต่ละรูปแบบจะมีการวัดสัดส่วนของ Fibonacci ที่แตกต่างกัน แต่ล้วนมุ่งเน้นที่การระบุจุดกลับตัวของราคา […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | July 3, 2024

ในโลกของการเทรด Forex ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อน การวิเคราะห์ Intermarket ได้กลายเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความได้เปรียบในการคาดการณ์ทิศทางของตลาด บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของการวิเคราะห์ Intermarket ตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ ไปจนถึงวิธีการประยุกต์ใช้ในการเทรด Forex     ทำไมนักเทรดต้องวิเคราะห์ Intermarket Intermarket คืออะไร การวิเคราะห์ Intermarket คือการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตลาดการเงินต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกัน โดยมีแนวคิดพื้นฐานว่าการเปลี่ยนแปลงในตลาดหนึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อตลาดอื่นๆ ได้ ทั้งในทางตรงและทางอ้อม ประโยชน์วิเคราะห์ Intermarket ประโยชน์ของการวิเคราะห์ Intermarket ในการเทรด Forex การวิเคราะห์ Intermarket ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นภาพรวมของตลาดการเงินโลกได้ชัดเจนขึ้น ทำให้สามารถคาดการณ์ทิศทางของค่าเงินได้แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการยืนยันสัญญาณการเทรดและลดความเสี่ยงในการตัดสินใจ ความสัมพันธ์ในการเงินโลก ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดต่างๆ ในระบบการเงินโลก ตลาดการเงินโลกมีความเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน ตั้งแต่ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ไปจนถึงตลาด Forex การเข้าใจความสัมพันธ์เหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดได้ดียิ่งขึ้น   เครื่องมือและเทคนิคในการวิเคราะห์ Intermarket การใช้กราฟเปรียบเทียบ (Correlation Charts) กราฟเปรียบเทียบช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตลาดต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น โดยการแสดงการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์หลายๆ […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | June 28, 2024

การเทรดในตลาด Forex ต้องการกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและการวิเคราะห์ที่แม่นยำเพื่อให้สามารถทำกำไรได้ หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือกลยุทธ์ Reversal หรือการกลับตัว กลยุทธ์นี้เน้นการระบุและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคา ซึ่งสามารถให้โอกาสในการเทรดที่ทำกำไรได้มากมาย บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์ Reversal อย่างละเอียด รวมถึงวิธีการใช้งาน การวิเคราะห์ และปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเทรด   ทำความเข้าใจกลยุทธ์ Reversal กลยุทธ์ Reversal ในการเทรด Forex เป็นวิธีการที่มุ่งเน้นการระบุจุดเปลี่ยนทิศทางของราคา โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มขาขึ้นเปลี่ยนเป็นขาลง หรือแนวโน้มขาลงเปลี่ยนเป็นขาขึ้น การกลับตัวของราคาเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด ซึ่งสามารถให้โอกาสในการเปิดสถานะใหม่ที่สามารถทำกำไรได้ สัญญาณการกลับตัวที่สำคัญของกลยุทธ์ Reversal การระบุสัญญาณการกลับตัวเป็นขั้นตอนสำคัญในการใช้กลยุทธ์ Reversal สัญญาณเหล่านี้มักเกิดจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) และการสังเกตพฤติกรรมราคา (Price Action) รูปแบบกราฟที่นิยมใช้ในกลยุทธ์ รูปแบบกราฟที่นิยมใช้ในการระบุการกลับตัวได้แก่ รูปแบบ Double Top และ Double Bottom, Head and Shoulders และ Inverse Head […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | June 26, 2024

Carry Trade คือ กลยุทธ์การลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ที่มุ่งเน้นการแสวงหาผลตอบแทนจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน โดยอาศัยหลักการกู้ยืมเงินในสกุลที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำเงินไปลงทุนในสกุลเงินที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย   หลักการสำคัญของ Carry Trade หลักการสำคัญของ Carry Trade คือการกู้ยืมเงินในสกุลที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ (Low-yielding currency) จากนั้นนำเงินที่กู้มาแปลงเป็นสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า (High-yielding currency) และนำไปลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย (Interest rate differential) นอกจากนี้ ยังสามารถทำกำไรเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงินนั้นอีกด้วย ตัวอย่างของ Carry Trade สมมติให้สกุลเงินเยน (JPY) มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า นักลงทุนอาจทำ Carry Trade โดยกู้ยืมเงินสกุลเยน แล้วนำไปแปลงเป็นสกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย จากนั้นนำเงินดอลลาร์ออสเตรเลียไปลงทุนเพื่อรับดอกเบี้ยที่สูงกว่า พร้อมกับหวังผลกำไรจากการแข็งค่าของดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อเทียบกับเงินเยนในอนาคต   ปัจจัยใดบ้าง ที่มีผลต่อ Carry Trade? อัตราดอกเบี้ย ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการทำ Carry Trade เนื่องจากเป็นตัวกำหนดผลตอบแทนหลักของกลยุทธ์นี้ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในประเทศใดประเทศหนึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อความน่าสนใจและความเสี่ยงของการทำ […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | May 29, 2024

Position Trading คือรูปแบบการเทรดที่มุ่งเน้นการถือครองสถานะการซื้อขายเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่หลายสัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือนหรือหลายปี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาในระยะยาว ซึ่งแตกต่างจากการเทรดระยะสั้นที่เน้นการเข้าและออกตลาดอย่างรวดเร็วเพื่อแสวงหากำไรจากความผันผวนของราคาในแต่ละวัน Position Trading จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างผลตอบแทนอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการวิเคราะห์ปัจจัยระยะยาว มากกว่าการเก็งกำไรจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น   Position Trading ใช้เพื่ออะไร? การวิเคราะห์ทั้งปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคด้วย Position Trade การทำ Position Trade ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอย่างรอบด้าน ทั้งในระดับเศรษฐกิจมหภาค ภาวะอุตสาหกรรม ไปจนถึงผลการดำเนินงานของบริษัท เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงและความสามารถในการสร้างผลกำไรระยะยาว ในขณะเดียวกัน การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็มีส่วนช่วยในการจับจังหวะการเข้าและออกเทรด โดยอาศัยเครื่องมือต่างๆ ในการระบุแนวโน้มราคา แนวรับแนวต้าน หรือสัญญาณซื้อขายที่เหมาะสม ดังนั้น Position Trader จึงต้องผสมผสานข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเพื่อวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ Position Trade ความสำคัญกับกรอบเวลาใหญ่ เนื่องจากมุ่งเน้นการถือครองระยะยาว Position Trading จึงให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์กราฟในกรอบเวลาที่ใหญ่ เช่น กราฟรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายไตรมาส เพื่อให้มองเห็นภาพรวมของราคาและแนวโน้มหลักที่ดำเนินไปในทิศทางเดียวกันระยะยาว ในขณะเดียวกันการวิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่ก็ช่วยลดสัญญาณรบกวนจากความผันผวนในกรอบเวลาเล็ก เพราะเป้าหมายคือการจับทิศทางหลักของราคา ไม่ใช่การเก็งกำไรจากความผันผวนระยะสั้น ดังนั้นการกำหนดกรอบเวลาให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนจึงเป็นหนึ่งในกุญแจสู่ความสำเร็จของ Position Trading การบริหารความเสี่ยงและเงินทุนอย่างมีวินัย แม้จะเป็นการลงทุนระยะยาว […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | May 23, 2024

Double Top เป็นรูปแบบกราฟที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต โดยเกิดขึ้นเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดเดิมถึงสองครั้ง แต่ไม่สามารถผ่านระดับดังกล่าวไปได้ จากนั้นราคาจะปรับตัวลงมา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง โดยลักษณะสำคัญคือมีสองจุดยอดที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันและมีจุดต่ำสุดระหว่างสองจุดยอดนั้น การเกิด Double Top มักบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง   รูปแบบ Double Top มีองค์ประกอบแบบไหนบ้าง จุดยอดแรก (First Peak) จุดยอดแรกเป็นจุดที่ราคาขึ้นไปถึงระดับสูงสุดหลังจากมีแนวโน้มขาขึ้นมาระยะหนึ่ง โดยแสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาในตลาดจนผลักดันราคาสูงขึ้น การระบุระดับราคาของจุดยอดแรกสามารถทำได้โดยการดูระดับสูงสุดของแท่งเทียนหรือบาร์ในช่วงเวลาที่กำหนด นอกจากระดับราคาแล้ว ปริมาณการซื้อขายที่จุดยอดแรกก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาด้วย โดยปริมาณการซื้อขายที่สูงอาจบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่มากและอาจยังคงผลักดันราคาขึ้นต่อ จุดยอดที่สอง (Second Peak) หลังจากราคาปรับตัวลงมาจากจุดยอดแรก ถ้าราคาสามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในระดับใกล้เคียงกับจุดยอดแรก จะถือเป็นจุดยอดที่สอง โดยจุดยอดที่สองไม่จำเป็นต้องสูงกว่าจุดแรกเสมอไป อาจเท่ากันหรือต่ำกว่าเล็กน้อยก็ได้ แต่ควรอยู่ในกรอบแนวต้านเดียวกับจุดยอดแรก การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างจุดยอดสองจุด เช่น ระยะห่างของเวลาและระดับราคา จะช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือของรูปแบบ Double Top ได้มากขึ้น จุดต่ำสุดระหว่างสองยอด (Trough) จุด Trough คือจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างจุดยอดทั้งสอง โดยเป็นจุดที่แสดงถึงแรงขายที่เข้ามากดดันราคาหลังจากแตะจุดยอดแรก ระดับของจุด Trough จะถูกนำมาใช้เป็นจุดอ้างอิงในการสร้างเส้น Neckline เพื่อคอยดูสัญญาณการยืนยันรูปแบบ Double Top […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | May 21, 2024

Ascending Triangle เป็นรูปแบบกราฟราคาที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต โดยลักษณะสำคัญของรูปแบบนี้ประกอบด้วยเส้นแนวต้านที่เป็นเส้นตรงในแนวราบ และเส้นแนวรับที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งราคามีการแกว่งตัวในช่วงแคบลง ก่อนจะเกิดการ Breakout ผ่านเส้นแนวต้านขึ้นไปในที่สุด ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อการทะยานขึ้นของราคาในระยะข้างหน้า   รูปแบบกราฟ Ascending Triangle เส้นแนวต้าน (Resistance Line) ในการสร้างรูปแบบ Ascending Triangle ราคาจะเคลื่อนไหวขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่ระดับราคาเดิม 2-3 ครั้ง โดยที่ไม่สามารถผ่านเส้นแนวต้านนี้ขึ้นไปได้ การกำหนดระดับของแนวต้านอาจใช้จุดสูงสุด 2-3 จุดที่อยู่ในระดับราคาใกล้เคียงกันมาลากเป็นเส้นตรงในแนวราบ ซึ่งบ่งบอกถึงแรงขายที่เข้ามาตั้งแต่ราคายังไม่สามารถผ่านจุดนี้ไปได้ และเป็นแนวต้านที่มีนัยยะสำคัญเมื่อสามารถ Breakout ขึ้นไปได้ในภายหลัง เส้นแนวรับ (Support Line) หลังจากการพยายาม Breakout แนวต้านแต่ไม่สำเร็จ ราคามักจะย่อตัวลงมาสร้างจุดต่ำ ซึ่งจุดต่ำของแต่ละครั้งมักจะอยู่ในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ การลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างจุดต่ำเหล่านี้จะกลายเป็นเส้นแนวรับที่เอียงขึ้น ซึ่งบ่งบอกถึงแรงซื้อที่เข้ามาคอยประคองราคาไม่ให้ร่วงลงมากนัก โดยเส้นแนวรับที่ชันขึ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงถึงแรงซื้อที่มีมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ราคาถูกดันให้ขยับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้เส้นแนวต้านมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง การเคลื่อนไหวของราคาภายในรูปแบบ จุดสำคัญของการเกิด Ascending Triangle คือการที่จุดสูงสุดถูกจำกัดอยู่ในระดับเดิม แต่ขณะเดียวกันจุดต่ำสุดจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบลง ลักษณะเช่นนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงแรงซื้อที่มากขึ้น ขณะที่แรงขายเริ่มอ่อนแอลง […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | May 20, 2024

Head and Shoulders เป็นรูปแบบกราฟราคาที่มีลักษณะคล้ายกับศีรษะและไหล่ของมนุษย์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้มที่มีความน่าเชื่อถือสูงในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยรูปแบบ Head and Shoulders แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ Normal Head and Shoulders ซึ่งส่งสัญญาณการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง และ Inverse Head and Shoulders ที่ส่งสัญญาณการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น การเข้าใจและสามารถระบุรูปแบบ Head and Shoulders ได้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาและวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น   สัญญาณที่บ่งบอกถึงรูปแบบ Head and Shoulders การปิดราคาต่ำกว่าเส้นคอ เมื่อกราฟราคาสามารถ Breakout ผ่านเส้นคอลงมาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการปิดราคาต่ำกว่าเส้นคอ มักจะเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งถึงการเริ่มต้นแนวโน้มขาลง และเป็นโอกาสในการเข้าเปิดสถานะขายเพื่อเทรดตามการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังกับสัญญาณ Breakout หลอกที่ราคาอาจจะไม่ได้ลงต่อเนื่องหลังจากนั้น จึงควรใช้เครื่องมืออื่นๆ เข้ามาช่วยยืนยันเพิ่มเติมด้วย การย้อนกลับมาทดสอบเส้นคอ หลังจากราคาสามารถ Breakout ผ่านเส้นคอลงมาแล้ว สัญญาณของการกลับตัวมักจะชัดเจนขึ้นเมื่อราคามีการย้อนกลับขึ้นมาทดสอบเส้นคอจากด้านล่างอีกครั้ง การทดสอบซ้ำเส้นคอจะช่วยยืนยันว่าแนวโน้มขาลงกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งจะเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการพิจารณาเข้าสถานะขายตามเมื่อราคาปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นคออีกครั้ง […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | May 16, 2024

Arbitrage Forex คือ การทำกำไรจากความแตกต่างของราคาระหว่างตลาดหรือโบรกเกอร์ต่างๆ โดยหลักการคือการซื้อในตลาดที่มีราคาถูกแล้วขายในตลาดที่มีราคาแพงกว่า เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคาโดยปราศจากความเสี่ยง ซึ่งแตกต่างจากการ เทรด Forex ปกติที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางของราคา แต่อาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด   ประเภทของ Arbitrage Forex Spatial Arbitrage เป็นการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาในแต่ละโบรกเกอร์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ถ้ามีโบรกเกอร์ A ที่ให้ราคา EUR/USD ที่ 1.1000 และโบรกเกอร์ B ที่ให้ราคา 1.1005 เราสามารถซื้อที่ A และขายที่ B เพื่อทำกำไร 5 pips ได้ทันที อย่างไรก็ตาม การทำ Spatial Arbitrage อาจมีข้อจำกัดจากความเร็วในการส่งคำสั่ง และสภาพคล่องที่แตกต่างกันในแต่ละโบรกเกอร์ Triangular Arbitrage เป็นการอาศัยความไม่สมดุลของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงิน 3 สกุล เช่น เราสามารถแปลงเงินจาก USD เป็น EUR แล้วเป็น GBP […] อ่านต่อ

โดย ALPFOREX | May 14, 2024
crossmenu