On Balance Volume (OBV) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเทคนิคที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์และเทรดตลาดการเงิน Forex ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ OBV ตั้งแต่ความหมาย วิธีคำนวณ การนำไปใช้วิเคราะห์ รวมถึงข้อดีและข้อจำกัด ตลอดจนแนวทางการประยุกต์ใช้ OBV ในการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ
On Balance Volume (OBV) คืออะไร การวิเคราะห์ทางเทคนิค
On Balance Volume (OBV) เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยใช้ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของราคา เพื่อวัดแรงซื้อขายและทิศทางของตลาด
แนวคิดพื้นฐานของ OBV
แนวคิดพื้นฐานของ OBV คือ การเปลี่ยนแปลงของราคาที่แท้จริงจะต้องมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สอดคล้องกัน เช่น ถ้าราคาเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณการซื้อขายลดลง อาจเป็นสัญญาณของการฟอร์มตัวยอดที่ผิดปกติ ในทางตรงกันข้าม ถ้าราคาลดลงแต่ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น ก็อาจเป็นสัญญาณของการสะสมหุ้นของกลุ่มนักลงทุนใหญ่
การคำนวณค่า On Balance Volume (OBV)
สูตรการคำนวณ OBV
การคำนวณ OBV ทำได้โดยเปรียบเทียบราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันกับแท่งเทียนก่อนหน้า แล้วนำปริมาณการซื้อขายมาบวกหรือลบกับค่า OBV ก่อนหน้า ตามเงื่อนไขดังนี้
ถ้าราคาปิดสูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า ให้นำปริมาณการซื้อขายมาบวกเพิ่ม
ถ้าราคาปิดต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า ให้นำปริมาณการซื้อขายมาลบออก
ถ้าราคาปิดเท่ากับแท่งเทียนก่อนหน้า ค่า OBV จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างการคำนวณ OBV
สมมติราคาปิดและปริมาณการซื้อขายในช่วง 3 วันเป็นดังนี้
วันที่ 1: ราคาปิด 100 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,000 หน่วย
วันที่ 2: ราคาปิด 102 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,200 หน่วย
วันที่ 3: ราคาปิด 101 บาท ปริมาณการซื้อขาย 800 หน่วย
ค่า OBV จะคำนวณได้ ดังนี้
OBV ของวันที่ 1 = 1,000
OBV ของวันที่ 2 = 1,000 + 1,200 = 2,200 (เพราะราคาปิดสูงขึ้น)
OBV ของวันที่ 3 = 2,200 - 800 = 1,400 (เพราะราคาปิดลดลง)
ข้อสังเกตในการคำนวณ OBV
OBV จะคำนวณเป็นค่าสะสมต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มคำนวณ
ในการคำนวณ ไม่ได้นำขนาดของการเปลี่ยนแปลงราคามาพิจารณา แต่ดูเพียงแค่ทิศทางการเปลี่ยนแปลง
OBV สามารถคำนวณได้ในทุกกรอบเวลา ตั้งแต่รายนาที รายชั่วโมง รายวัน หรือรายสัปดาห์
การใช้ On Balance Volume (OBV) ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ความสัมพันธ์ระหว่าง OBV และราคา
OBV เพิ่มขึ้นเมื่อราคาปิดสูงขึ้น: แสดงว่ามีแรงซื้อเข้ามาในตลาด น่าจะเป็นสัญญาณบวกต่อราคา
OBV ลดลงเมื่อราคาปิดต่ำลง: แสดงว่ามีแรงขายออกจากตลาด น่าจะเป็นสัญญาณลบต่อราคา
OBV ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อราคาปิดเท่ากับวันก่อนหน้า: แสดงว่าไม่มีแรงซื้อหรือขายที่มีนัยสำคัญในตลาด
รูปแบบของ OBV ที่บ่งชี้สัญญาณซื้อขาย
การเกิด Divergence ระหว่าง OBV และราคา: เช่น ถ้าราคาทำจุดสูงใหม่ แต่ OBV ทำจุดสูงใหม่ไม่ได้ อาจเป็นสัญญาณขาลง
การเกิด Breakout ของ OBV: เมื่อ OBV สามารถผ่านแนวต้าน หรือทะลุแนวรับลงมา อาจเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาด
การลู่เข้าหรือเบี่ยงเบนออกของ OBV และราคา: ถ้า OBV เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคา แสดงว่าแนวโน้มปัจจุบันน่าจะมีความต่อเนื่อง แต่ถ้าเริ่มเคลื่อนไปคนละทิศทาง อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง
การยืนยันสัญญาณซื้อขายด้วย OBV
การใช้ OBV ยืนยันแนวโน้มราคา: เช่น ในตลาดขาขึ้น หาก OBV ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณขาขึ้น
การใช้ OBV ยืนยันรูปแบบกราฟราคา: เช่น รูปแบบ Head and Shoulders หรือ Double Top ที่เกิดขึ้นโดยมี OBV เป็นตัวยืนยัน จะน่าเชื่อถือมากกว่ารูปแบบที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง
การใช้ OBV ร่วมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ: เช่น การใช้ร่วมกับ Moving Average , RSI , MACD เพื่อหาสัญญาณการซื้อขายที่มีความน่าเชื่อถือสูง
ข้อดีและข้อจำกัดของ On Balance Volume (OBV)
ข้อดีของ OBV
ใช้งานง่าย คำนวณไม่ซับซ้อน: OBV มีวิธีการคำนวณที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย เหมาะสำหรับนักลงทุนทั่วไป
ช่วยยืนยันแนวโน้มของราคา: OBV เป็นตัวชี้วัดที่มีประโยชน์ในการยืนยันทิศทางของแนวโน้ม ทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ให้สัญญาณซื้อขายล่วงหน้าก่อนราคา: ในบางครั้ง OBV อาจให้สัญญาณการเปลี่ยนแปลงทิศทางตลาดก่อนที่ราคาจะสะท้อนออกมา ทำให้นักเทรดสามารถเข้าเทรดได้เร็วขึ้น
ข้อจำกัดของ OBV
อาจให้สัญญาณผิดพลาดบ้างในบางสถานการณ์: เนื่องจาก OBV ใช้เพียงราคาปิดในการคำนวณ ทำให้บางครั้งสัญญาณที่ได้อาจมีความคลาดเคลื่อน เมื่อราคามีความผันผวนมากในระหว่างวัน
ไม่เหมาะกับการเทรดระยะสั้นมากนัก: เนื่องจาก OBV เป็นตัวชี้วัดแบบสะสม ดังนั้นการใช้กับกรอบเวลาที่สั้นเกินไปอาจให้สัญญาณที่ไม่น่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มในระยะกลางถึงยาวมากกว่า
ไม่ควรใช้ OBV เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเทรด: OBV เป็นเพียงตัวชี้วัดหนึ่ง ซึ่งมีข้อจำกัดในตัวเอง ดังนั้นควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ หรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้วย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณการเทรด
การประยุกต์ใช้ On Balance Volume (OBV) ในการเทรด
การใช้ OBV ในการเทรดตามแนวโน้ม
การหาจุดเข้าเทรดจากการเกิด Divergence ของ OBV: เมื่อราคาทำจุดสูงใหม่ แต่ OBV ไม่สูงขึ้นตาม อาจเป็นสัญญาณขาลง น่าจะเป็นโอกาสในการเปิดสถานะขายเพื่อเทรดตามแนวโน้มขาลง
การหาจุดเข้าเทรดจากการ Breakout ของ OBV: เมื่อ OBV สามารถผ่านแนวต้านสำคัญขึ้นไปได้ อาจเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้น จึงเป็นโอกาสในการเปิดสถานะซื้อ
การใช้ OBV ยืนยันทิศทางของแนวโน้ม: ในช่วงตลาดขาขึ้น ถ้า OBV ก็ปรับเพิ่มขึ้นตามราคา ก็จะยิ่งยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม ทำให้มั่นใจในการถือสถานะซื้อต่อไปได้
การใช้ OBV ในการเทรดเก็งกำไรระยะสั้น
การหาจังหวะการกลับตัวของราคาจาก OBV: ในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หาก OBV มีการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการสะสมแรงขาย และคาดการณ์การปรับฐานของราคาในอนาคตอันใกล้ได้
การใช้ OBV ร่วมกับ Oscillators อื่นๆ: การใช้ OBV ร่วมกับ ตัวชี้วัดประเภท Oscillators เช่น RSI หรือ Stochastic อาจช่วยให้นักเทรดหาจังหวะในการเข้าซื้อขายระยะสั้นเมื่อสัญญาณจากทั้งสองตัวชี้วัดสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
ข้อควรระวังในการใช้ OBV สำหรับเทรดระยะสั้น: เนื่องจาก OBV เป็นตัวชี้วัดเชิงสะสม การใช้กับกรอบเวลาที่สั้นเกินไปอาจทำให้เกิดสัญญาณรบกวนที่ไม่น่าเชื่อถือได้ นอกจากนั้น การเทรดระยะสั้นมีความเสี่ยงและต้นทุนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการเทรดระยะยาว จึงต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น